คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำนองที่ดินไว้โดยรู้อยู่ได้มีการพิพาทกันในจองที่ดิน และคู่พิพาท+หนึ่งอยู่ในฐานะที่จะ+ทะเบียนสิทธิของเขาได้เพราะได้ครอบครองโดยปรปักษ์มากว่า 10 ปีดังนี้ย่อมถือได้ว่าผู้รับจำนองได้กระทำการโดย+จริต เมื่อผู้จำนองนั้น+จะใช้ยันแก่ผู้ครอบครองโดยปรปักษ์มิได้ +

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นความอาญาหาว่าฉ้อโกง ยักยอกและแจ้งความเท็จ กับขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองได้ความว่าที่ดินรายพิพาทเดิมเป็นของโจทก์ ภายหลังได้โอนที่ดินทั้ง ๒ แปลงใส่ชื่อ ย.น้องสาวโจทก์ซึ่งเป็นภรรยาจำเลยที่ ๑ และมารดาจำเลยที่ ๒ และ ๓ โดยเข้าใจกันว่าภายหลังจะโอนคืนให้ ส่วนที่ดินนั้นโจทก์คงครอบครองเป็นเจ้าของอยู่ตลอดมา ต่อมาโจทก์ได้ไปขอโฉนดคืนจากจำเลยที่ ๑ เพราะเวลานั้น ย.ถึงแก่กรรมแล้ว จำเลยไม่ยอมคืนให้ โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ ๑-๒ แล ๓ ในที่สุดศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโดยอำนาจปรปักษ์ในระหว่างคดีนี้ปรากฎว่าจำเลยที่ ๑-๒-๓ ได้เอาที่ดินรายพิพาทนี้ไปจำนองไว้แก่จำเลยที่ ๔ ซึ่งเป็นผู้รู้ดีมาแต่ต้นแล้วว่าเขากำลังเป็นความกันอยู่
ศาลฎีกาตัดสินว่า เรื่องนี้จำเลยที่ ๔ ผู้รับจำนองทราบดีแล้วว่าที่ดินรายพิพาทยังอยู่ในระหว่างพิพาทอันโจทก์อยู่ในฐานที่จะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ เพราะครอบครองโดยทางปรปักษ์มากว่า ๑๐ ปี การจดทะเบียนจำนองรายนี้เป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนแล้ว ดังนี้ย่อมถือว่าไม่ได้กระทำไปโดยสุจริตตามความในตอนปลายแพ่ง ม.๑๓๐๐ จึงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองรายพิพาทนั้นเสีย ส่วนข้อหาในทางอาญานั้นได้ยุตติแต่ศาลชั้นต้นแล้ว

Share