คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4774/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหนี้ตามคำพิพากษาเป็นจำนวนเล็กน้อยไม่ถึง60,000บาทแต่โจทก์นำยึดที่ดินและบ้านของจำเลยราคากว่า1,750,000บาทโดยภายในบ้านของจำเลยมีทรัพย์สินอื่นที่โจทก์สามารถนำยึดมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ถือได้ว่าโจทก์นำยึดทรัพย์สินของจำเลยที่2เกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีโจทก์จึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่2ลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา284วรรคสองและต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายในส่วนที่เกินกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที2ต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 28,938 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ21 ต่อปีนับแต่วันที่ 15 มีนาคม 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 13,882.34 บาท และให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ1,000 บาท จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 203859ตำบลสำโรงเหนือ (สำโรงฝั่งเหนือ) อำเภอเมืองสมุทรปราการ(พระโขนง) จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมบ้านเลขที่ 750/935 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวของจำเลยที่ 2 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา โดยผู้แทนโจทก์แจ้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินอื่นนอกจากที่ดินและบ้านดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดินเป็นเงิน1,260,000 บาท และประเมินราคาบ้านเลขที่ 750/935 เป็นเงิน100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,360,000 บาท
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินอื่นซึ่งมีราคาพอชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมอยู่ในที่ดินและบ้านเลขที่ดังกล่าวอย่างเปิดเผยเป็นจำนวนมาก แต่โจทก์กลับนำยึดที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวโดยทราบดีว่าทรัพย์ที่ยึดมีราคาเกินกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดีหลายสิบเท่า เฉพาะค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ก็สูงกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว จำเลยที่ 2 ได้นำเงินตามจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาทั้งหมดพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมในคดีไปวางต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์แล้วขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีและสั่งถอนการยึดทรัพย์โดยให้โจทก์เป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเกินกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษา
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่าที่ดินและบ้านที่โจทก์นำยึด จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนจำนองไว้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เป็นการประกันหนี้จำนวน 1,750,000 บาท โดยมีข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองว่า หากมีการบังคับจำนองได้เงินสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกับค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ยังขาดอยู่เท่าใด จำเลยที่ 2ยอมรับผิดใช้เงินจำนวนนั้นให้แก่ธนาคารจนครบถ้วน โจทก์ไม่อาจทราบได้ว่าหากมีการบังคับจำนอง เงินที่เหลือสุทธิจะมีจำนวนสูงกว่าหนี้ตามคำพิพากษาและค่าฤชาธรรมเนียมในคดีหรือไม่ ในวันที่ผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ที่บ้านจำเลยที่ 2ประตูบ้านปิดใส่กุญแจและคนในบ้านของจำเลยที่ 2 ไม่ยอมให้ผู้แทนโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีเข้าไปตรวจดูทรัพย์สินในบริเวณบ้านของจำเลยที่ 2 ว่ามีทรัพย์สินใดที่พอจะบังคับคดีได้ ทั้งในบริเวณบ้านก็มีสุนัขพันธุ์ต่างประเทศอยู่หลายตัวซึ่งอาจทำร้ายผู้แทนโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีหากเข้าไปในบริเวณบ้านเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องทำการยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยดูจากสภาพภายนอกบ้านโจทก์ยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 โดยสุจริตขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างไต่สวนจำเลยที่ 2 และโจทก์แถลงขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามเอกสารในสำนวน รวมทั้งภาพถ่ายและเอกสารที่จำเลยที่ 2 และโจทก์ส่งต่อศาลเท่านั้น โดยทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจสืบพยานต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ถอนการบังคับคดีให้จำเลยที่ 2 เสียค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ในราคาทรัพย์ที่ปลดจำนองนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามคำพิพากษาจำนวนไม่ถึง 60,000 บาท ที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 2 มีราคาสูงกว่า 1,750,000 บาท ที่ธนาคารกรุงเทพจำกัด รับจำนองไว้และภายในบ้านของจำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินอื่นที่โจทก์สามารถยึดมาชำระหนี้ได้ โดยโจทก์สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อค้นบ้านของจำเลยที่ 2 และหากมีผู้ขัดขวางก็สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจได้แต่โจทก์ไม่ดำเนินการเช่นนั้นกลับแถลงยืนยันให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 2 แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์นำยึดที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 2 เป็นการนำยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 เกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีโจทก์จึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284 วรรคสอง และต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายในส่วนที่เกินกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2ต้องรับผิดต่อโจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 เสียค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ตามจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2 ต้องใช้ให้แก่โจทก์ และให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ในส่วนที่เหลือทั้งหมด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share