คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กรณีฟ้องว่าจำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสนั้น สาระสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่ แม้คำฟ้องโจทก์จะบรรยายหมายเลขทะเบียนรถผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา ก็หาเป็นข้อแตกต่างในสาระสำคัญไม่ เมื่อจำเลยนำสืบต่อสู้ว่าพวงมาลัยไม่สามารถบังคับรถได้ จึงถือว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300,91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายอมร จาปัน ผู้เสียหาย โดยนายสมบัติจาปัน และนางบุญธรรม จาปัน บิดามารดาผู้แทนโดยชอบธรรมยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43(4), 157 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาตามที่จำเลยฎีกาประการแรกว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ไทยประดิษฐ์คันเกิดเหตุหมายเลขทะเบียน ฮ-5207 อุตรดิตถ์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยขับรถยนต์ไทยประดิษฐ์ หมายเลขทะเบียน ฮ-4207 อุตรดิตถ์เป็นข้อแตกต่างที่เป็นสาระสำคัญและจำเลยหลงต่อสู้ต้องพิพากษายกฟ้องนั้น เห็นว่า เป็นเรื่องโจทก์ระบุตัวเลขทะเบียนรถยนต์ผิดพลาดจาก ฮ-4207 อุตรดิตถ์ เป็น ฮ-5207 อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ไทยประดิษฐ์คันเกิดเหตุที่จำเลยขับเท่านั้น หาใช่เป็นข้อแตกต่างในสาระสำคัญไม่เพราะสาระสำคัญของฟ้องโจทก์อยู่ที่ว่า จำเลยขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยประมาทชนบ้านของนางฟุ้ง และเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่ เมื่อจำเลยนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยขับรถยนต์คันดังกล่าวไปตามโค้งถนนแต่พวงมาลัยไม่สามารถบังคับล้อรถได้ รถยนต์ที่จำเลยขับจึงหลุดจากถนนไปชนบ้านนางฟุ้งและโจทก์ร่วมเนื่องจากคันส่งคันชักหลุดย่อมถือว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคสอง”
พิพากษายืน

Share