คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารหมาย ล.2 มีข้อความว่า โจทก์ได้ให้จำเลยเช่าเคหะช่วงล่างตึกสามชั้น ตึกเลขที่ 611/1 ถนนเทอดไท ตำบลบางยี่เรือเขตธนบุรี กรุงเทพฯ ให้อยู่ตลอดชีพ จึงได้ทำสัญญาไว้เป็นหลักฐาน แล้วลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้เช่าเอกสารดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นตราสารตามความหมายในประมวลรัษฎากร คงเป็นเพียงหลักฐานการเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538 อย่างหนึ่งเท่านั้น แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าจำเลยอาศัย หากทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเช่า ก็ไม่เป็นเหตุยกฟ้องเพราะการอาศัยหรือการเช่าเป็นการกล่าวอ้างถึงมูลเดิมว่าจำเลยเข้าอยู่ในตึกพิพาทได้อย่างไรเท่านั้น ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี ศาลต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทต่อไปหรือไม่
โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าตึกพิพาทตลอดอายุของจำเลย แต่การเช่ารายนี้ไม่ปรากฏว่าได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ฉะนั้น จำเลยจึงมีสิทธิบังคับโจทก์ให้จำเลยเช่าตึกพิพาทได้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยก่อนครบกำหนด 3 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขออาศัยโจทก์อยู่ในตึกพิพาทมีกำหนด ๖ เดือนเมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมออกไป จึงขอให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าตึกพิพาทจากโจทก์มีกำหนดอายุสัญญาเช่าตลอดชีพ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อ้างว่าศาลรับฟังเอกสารหมาย ล.๒ เป็นพยานไม่ได้ เพราะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์นั้น ปรากฏว่าเอกสารนี้มีความว่า
“ข้าพเจ้านางดาหวัน กังวาลย์วงษ์ ได้ให้นายไพศรี เทพชาตรี เช่าเคหะช่วงล่าง ตึกสามชั้น ตึกเลขที่ ๖๑๑/๑ ถนนทอดไท (ที่ถูกเทอดไท) ตำบลบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ให้อยู่ตลอดชีพ จึงได้ทำสัญญาไว้เป็นหลักฐาน
(ผู้ให้เช่า ดาหวัน กังวาลย์วงษ์)
(พยาน……………………………”
พิเคราะห์ข้อความในเอกสารหมาย ล.๒ ข้างบนแล้วเห็นว่า วันที่ก็ไม่ได้ลงไว้ตกลงเช่ากันตั้งแต่เมื่อไร ค่าเช่าจะคิดกันเท่าไรก็ไม่ได้กำหนดไว้ ผู้เช่าก็มิได้ลงลายมือชื่อไว้ คงมีแต่ข้อความว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าห้องพิพาทและลงลายมือชื่อโจทก์ ผู้ให้เช่าไว้แม้จะมีข้อความว่า จึงได้ทำสัญญาไว้เป็นหลักฐาน ก็ยังถือไม่ได้ว่าเอกสารนี้เป็นตราสารตามความหมายในประมวลรัษฎากร คงเป็นเพียงหลักฐานการเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๘ อย่างหนึ่งเท่านั้น จึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๑๑๘ เมื่อฟังเอกสารนี้ประกอบกับเหตุผลดังกล่าวข้างต้นแล้ว รูปคดีฟังได้ว่าจำเลยเข้าอยู่ในตึกพิพาทโดยเช่าจากโจทก์ไม่ใช่อาศัยโจทก์อยู่แม้จำเลยจะให้การว่าเช่าตึกพิพาทหมดทั้งหลัง แต่หลักฐานการเช่าเอกสารหมาย ล.๒ ว่าเช่าเพียงชั้นล่างชั้นเดียวก็เป็นการนำสืบในประเด็นที่ว่า จำเลยอยู่ในตึกพิพาทโดยเช่าโจทก์หรืออาศัยโจทก์อยู่ หาเป็นการนำสืบนอกประเด็นแต่อย่างใดไม่ ที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ฟ้องขับไล่โดยอ้างว่าจำเลยอาศัย หากทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเช่า ก็ไม่เป็นเหตุยกฟ้อง เพราะการอาศัยหรือเช่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างถึงมูลเดิมว่าจำเลยเข้าอยู่ในตึกพิพาทได้อย่างไรเท่านั้นไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี ศาลต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทต่อไปหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับข้ออ้างเช่นนี้ของโจทก์
ตามหลักฐานการเช่าเอกสารหมาย ล.๒ ที่โจทก์ทำให้จำเลยไว้ ให้จำเลยเช่าตลอดชีพ ซึ่งหมายถึงตลอดอายุของจำเลย แต่การเช่ารายนี้ไม่ปรากฏว่าได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธิบังคับโจทก์ให้จำเลยเช่าตึกพิพาทได้มีกำหนด ๓ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๓๘ โจทก์ฟ้องคดีนี้ก่อนครบกำหนด ๓ ปี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
พิพากษายืน

Share