แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีไม้ที่ยังมิได้แปรรูปไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงและรอยตรารัฐบาลประทับไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตนั้น รถยนต์ที่จำเลยใช้บรรทุกชักลากไม้ของกลางนั้นมาจนถูกจับจึงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ให้ได้รับผลในการกระทำผิด อันเข้าข่ายต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันมีไม้ที่ยังมิได้แปรรูป ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงและรอยตรารัฐบาลประทับไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตโดยจำเลยใช้รถยนต์บรรทุกชักลากไม้ของกลางจากเขตท้องที่จังหวัดลพบุรีเข้ามาในเขตอำเภอตาคลี ขอให้ลงโทษและริบไม้และรถยนต์ของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 69, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503มาตรา 12 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ปรับจำเลยคนละ 400 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับคนละ 200 บาท ไม้ของกลางให้ริบ รถยนต์ของกลางมิใช่อุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดจึงไม่ริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบรถยนต์ของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ริบรถยนต์ของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยใช้รถยนต์ของกลางขนไม้จากจังหวัดลพบุรีไปยังจังหวัดนครสวรรค์นั้น ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถยนต์ขนไม้ของกลางจากจังหวัดลพบุรีให้มาอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่จำเลยกระทำผิดตามที่โจทก์กล่าวหา จึงเห็นได้ชัดว่า การที่จำเลยมีความผิดฐานมีไม้ของกลางไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ก็โดยจำเลยใช้รถยนต์ของกลางขบไม้นั้นไปนั่นเอง ฉะนั้น รถยนต์จึงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ให้ได้รับผลในการกระทำผิด จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 ทวิ
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย