แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น แม้โจทก์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียวและศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่ปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า ศาลชั้นต้นได้รวมจำนวนค่าเสียหายตามรายการที่กำหนดให้แก่โจทก์ผิดพลาดเกินจำนวนอันแท้จริงไป 1,000 บาท ศาลฎีกาอาศัยอำนาจตามมาตรา143แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิพากษาแก้จำนวนค่าเสียหายให้ถูกต้องได้ และที่ศาลชั้นต้นมิได้กล่าวในคำพิพากษาให้ชัดแจ้งว่าดอกเบี้ยในจำนวนเงินค่าเสียหายที่ให้โจทก์ได้รับด้วยนั้น ให้คิดในอัตราเท่าใดและเริ่มแต่เมื่อใด ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดให้ชัดแจ้งได้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ผู้เดียวรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย แต่ค่าเสียหายพิพากษาให้ไม่เต็มตามฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวขอให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3ร่วมรับผิดด้วย และว่าค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้นั้นยังน้อยเกินสมควร
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาฝ่ายเดียว
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แต่ปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้รวมจำนวนค่าเสียหายตามรายการที่กำหนดให้แก่โจทก์ ผิดพลาดมากไปกว่าจำนวนอันแท้จริงเป็นเงิน 1,000 บาท ชอบที่ศาลฎีกาจะแก้ไขข้อผิดพลาดนี้เสียให้ถูกต้อง โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 143 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลชั้นต้นมิได้กล่าวในคำพิพากษาให้ชัดแจ้งว่าดอกเบี้ยในจำนวนเงินค่าเสียหายที่ให้โจทก์ได้รับด้วยนั้นให้คิดในอัตราเท่าไรและเริ่มแต่เมื่อใด ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดให้ชัดแจ้งด้วย พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ แต่ให้แก้จำนวนค่าเสียหายในคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยที่ 1 ผู้เดียวใช้แก่โจทก์ 11,820บาทนั้น ให้เหลือเพียง 10,820 บาทและให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ