คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ประกอบการขนส่งประจำทาง โดยใช้รถยนต์นั่งซึ่งได้จดทะเบียนเข้าร่วมกิจการประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ขนส่งคนและสิ่งของเพื่อสินจ้างในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 23,126
การที่จำเลยนำรถเข้าร่วมกิจการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรา 40,138 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางเป็นตัวการผู้กระทำผิด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในฐานเป็นผู้สนับสนุนได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ประกอบการขนส่งประจำทางและกระทำการขนส่งอันมีลักษณะเช่นเดียวหรือคล้ายกับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง และมีลักษณะเป็นการแย่งผลประโยชน์กับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง โดยจำเลยใช้รถยนต์ตู้นั่งซึ่งบรรทุกผู้โดยสารเกิน 7 คนของจำเลยซึ่งได้จดทะเบียนเข้าร่วมกิจการประกอบการขนส่งประเภทไม่ประจำทาง(โดยสาร) กับห้างหุ้นส่วนจำกัดบางหลวงทรานสปอร์ตแอนด์ทัวร์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถโดยสารขนส่งคนและสิ่งของเพื่อสินจ้าง ระหว่างกรุงเทพมหานครกับอำเภอบางเลนจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางตามกฎหมาย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยรถยนต์ตู้นั่งคันดังกล่าว เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถยนต์คันดังกล่าว และใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถของจำเลยเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 4, 23, 40, 126, 138 และคืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40, 138 ปรับ50,000 บาท ส่วนข้อหาความผิดตามมาตรา 23, 126 ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏชัดว่า จำเลยได้รับใบอนุญาตหรือไม่ และตามคำบรรยายฟ้องก็ปรากฏว่า จำเลยใช้รถยนต์ของจำเลยจดทะเบียนเข้าร่วมกิจการประกอบการขนส่งประเภทไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบางหลวงทรานสปอร์ตแอนด์ทัวร์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถโดยสาร จำเลยจึงไม่ผิดฐานนี้ จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 25,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 คืนรถของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องว่า รถคันพิพาทได้โอนเข้าร่วมกิจการในการประกอบการขนส่งประเภทไม่ประจำทางของห้างหุ้นส่วนจำกัดบางหลวงทรานสปอร์ตแอนด์ทัวร์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง แสดงว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการเดินรถคันพิพาทโดยตรง จำเลยเป็นแต่เพียงผู้ใช้รถคันนี้ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว เท่านั้นการที่จำเลยนำรถคันพิพาทมาขนส่งคนและสิ่งของเพื่อสินจ้างระหว่างกรุงเทพมหานครกับอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมอย่างประจำทางผิดไปจากที่ได้รับอนุญาตจึงเป็นการใช้รถผิดประเภท อันเป็นความผิดตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 ไม่เป็นความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องทั้งสองข้อหา และความผิดตามที่พิจารณาได้ความนี้ โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงมาในฟ้องและมิได้อ้างบทมาตราในคำขอท้ายฟ้องจึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจึงลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามมาตรา 40, 108 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ประกอบการขนส่งประจำทาง โดยใช้รถยนต์ตู้นั่งซึ่งได้จดทะเบียนเข้าร่วมกิจการประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบางหลวงทรานสปอร์ตแอนด์ทัวร์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ขนส่งคนและสิ่งของเพื่อสินจ้าง ระหว่างกรุงเทพมหานครกับอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 23, 126 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ส่วนปัญหาว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรา 40, 138 หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยเป็นผู้ใช้รถยนต์ซึ่งจำเลยจดทะเบียนเข้าร่วมกิจการประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบางหลวงทรานสปอร์ตแอนด์ทัวร์ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางตามกฎหมาย การที่จำเลยนำรถเข้าร่วมกิจการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบางหลวงทรานสปอร์ตแอนด์ทัวร์ จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางดังที่โจทก์ฎีกาหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดบางหลวงทรานสปอร์ตแอนด์ทัวร์ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางเป็นตัวการผู้กระทำผิดหรือไม่ จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 23 วรรคหนึ่ง, 126 ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 50,000บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 25,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share