แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226มิได้กำหนดระยะเวลาโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาไว้เมื่อโจทก์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วโจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226(2) คำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลของโจทก์มีข้อความว่าคดีมีประเด็นโต้เถียงกันหลายประเด็นซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ควรต้องชี้สองสถานและให้โจทก์จำเลยนำสืบพยานหลักฐานต่อไปที่ศาลมีคำสั่งให้งดการชี้สองสถานและงดการสืบพยานโจทก์จำเลยทำให้โจทก์เสียหายถือได้ว่าคำแถลงของโจทก์ดังกล่าวเป็นการโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์กับนางเล็กเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 2909 เนื้อที่ 3 งาน 24 ตารางวา โดยมิได้จดทะเบียนแบ่งแยกส่วนกัน ต่อมานางจำเรียงบุตรนางเล็กได้ร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของนางเล็กว่าเป็นของนางจำเรียงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 โดยโจทก์ไม่ทราบและนางจำเรียงได้จดทะเบียนใส่ชื่อตนเป็นเจ้าของรวมในโฉนดที่ดินร่วมกับโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนแบ่งแยก จึงเป็นการครอบครองโจทก์ด้วย เมื่อนางจำเรียงถึงแก่กรรม จำเลยทั้งสามได้รับมรดกเฉพาะส่วนของนางจำเรียง โดยจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของร่วมกับโจทก์ โจทก์มีความประสงค์ที่จะขอแบ่งแยกที่ดินออกเป็นสัดส่วน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่2909 ออกเป็นส่วนของโจทก์และจำเลยทั้งสามส่วนละ 1 งาน62 ตารางวาเท่ากัน โดยให้ที่ดินแต่ละส่วนด้านทิศตะวันออกติดถนนสาธารณะและมีความกว้างเท่า ๆ กัน ถ้าไม่อาจบังคับได้ให้จำเลยทั้งสามแบ่งที่ดินด้านทิศตะวันตกให้แก่โจทก์เป็นเนื้อที่ 1 งาน62 ตารางวา และให้เปิดทางบนที่ดินส่วนของจำเลยทั้งสามกว้าง4 เมตร ยาวตลอดแนวที่ดินด้านทิศเหนือ โดยจดทะเบียนยกทางที่เปิดเป็นทางสาธารณประโยชน์หรือทางภารจำยอมสำหรับที่ดินโจทก์ ถ้าไม่อาจบังคับได้ให้ขายทอดตลาดที่ดิน แล้วแบ่งเงินที่ขายได้ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง แล้วแบ่งเงินที่ขายได้ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์กับนางเล็กได้แบ่งแยกการครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนแล้ว ที่ผ่านมานางเล็กได้ยกที่ดินส่วนของตนให้แก่นางจำเรียง มารดาจำเลยทั้งสามโดยมอบการครอบครองให้ แต่มิได้จดทะเบียน เมื่อนางจำเรียงถึงแก่กรรมจำเลยทั้งสามจดทะเบียนรับโอนมรดกเฉพาะส่วนนางจำเรียง จึงมีการแบ่งแยกการครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสามแล้ว โจทก์มีสิทธิขอแบ่งแยกเฉพาะส่วนที่โจทก์ครอบครองเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความตรวจรับรองแผนที่พิพาทแล้วแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทด้านทิศตะวันตกตามแนวเขตเส้นสีแดง ส่วนจำเลยทั้งสามครอบครองด้านทิศตะวันออกตามแนวเขตเส้นสีเขียวและสีน้ำเงิน โดยต่างปลูกบ้านอยู่ในที่ดินส่วนที่ตนครอบครองมาเกินกว่า 20 ปีแล้วต่างฝ่ายต่างไม่เคยโต้แย้งการครอบครองของอีกฝ่ายหนึ่ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงมีคำสั่งให้งดการชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์ คำสั่ง ระหว่าง พิจารณา และ คำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลย ทั้ง สาม ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อแรกว่าโจทก์โต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นเกิน 8 วันนับแต่วันทราบคำสั่งโจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นได้หรือไม่เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 มิได้กำหนดระยะเวลาโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาไว้ จึงไม่จำต้องโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นภายในกำหนด 8 วัน เมื่อโจทก์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(2) ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า คำแถลงโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาของโจทก์มิได้โต้แย้งให้ชัดแจ้งว่า คดียังมีประเด็นตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาในอุทธรณ์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลไว้ตามกฎหมายนั้น เห็นว่าคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลของโจทก์มีข้อความว่าคดีมีประเด็นโต้เถียงกันหลายประเด็นซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ ควรต้องชี้สองสถานและให้โจทก์จำเลยนำสืบพยานหลักฐานต่อไป ที่ศาลมีคำสั่งให้งดการชี้สองสถานและงดการสืบพยานโจทก์จำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ถือได้ว่าคำแถลงของโจทก์ดังกล่าวเป็นการโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว
ปัญหาต้องวินิจฉัยข้อสุดท้ายมีว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้งดการชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลยเป็นคำสั่งที่ชอบหรือไม่ เห็นว่าแม้โจทก์จำเลยทั้งสามจะแถลงรับว่าแผนพิพาทถูกต้อง และโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทด้านทิศตะวันตกแนวเขตเส้นสีแดง ส่วนจำเลยทั้งสามครอบครองที่พิพาทด้านทิศตะวันออกตามแนวเส้นสีเขียวและเส้นสีน้ำเงิน โดยต่างฝ่ายต่างปลูกบ้านอยู่ในที่ดินมาเป็นเวลาเกินกว่า 20 ปีแล้ว และต่างฝ่ายต่างไม่เคยโต้แย้งการครอบครองของอีกฝ่ายหนึ่งก็ตาม แต่ปรากฏตามแผนที่พิพาทว่าที่ดินในเส้นสีแดงล้อมรอบรุกล้ำเข้าไปในที่ดินภายในเส้นสีเขียวและสีน้ำเงินขณะเดียวกันที่ดินตามเส้นสีเขียวและน้ำเงินก็รุกล้ำเข้าไปในเส้นสีแดง จึงมีปัญหาว่าที่ดินที่อยู่ในกรอบที่มีเส้นสีน้ำเงินและสีแดงล้อมรอบ และที่ดินที่อยู่ในกรอบที่มีเส้นสีเขียวและประและสีแดงล้อมรอบเป็นที่ดินของโจทก์หรือของจำเลยที่ 2 ที่ 3 กันแน่ ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริง สมควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการชี้สองสถานและการดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป การที่ศาลชั้นต้นด่วนงดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยชี้ขาดคดีย่อมก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งการรับฟังพยานหลักฐานทั้งปวง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน