คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11246/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ซื้อสินค้าจากโจทก์จะใช้สิทธิเรียกให้จำเลยส่งมอบสินค้าได้ต้องเวนคืนใบตราส่งนั้นแก่จำเลยผู้ขนส่งหรือตัวแทนจำเลย เมื่อใบตราส่งที่จำเลยออกให้แก่โจทก์กับใบตราส่งฉบับที่ผู้รับสินค้ามอบให้แก่ตัวแทนจำเลยเพื่อรับสินค้าไปมีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนหลายประการ โดยเฉพาะชื่อเรือเป็นชื่อเรือคนละลำ ทั้งจำเลยส่งสินค้าผ่านตัวแทนจำเลยดังกล่าวเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้ว ตัวแทนจำเลยควรที่จะตรวจสอบรายละเอียดให้รอบคอบจนเห็นข้อแตกต่างในใบตราส่งที่ผู้รับสินค้านำมามอบให้กับใบตราส่งที่จำเลยออกให้จริงได้ ข้อผิดพลาดในการตรวจใบตราส่งนี้จึงเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อของตัวแทนจำเลย ยิ่งไปกว่านี้หน้าที่และความรับผิดชอบของจำเลยผู้รับขนของทางทะเลและตัวแทนจำเลยที่ทำหน้าที่ส่งมอบสินค้าแทนจำเลยในกรณีนี้ คือต้องส่งมอบสินค้าแก่ผู้มีใบตราส่งฉบับแท้จริงมามอบเวนคืนให้ตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 28 หากมีการมอบเวนคืนใบตราส่งปลอมอันมิใช่ฉบับที่แท้จริง แต่ตัวแทนจำเลยส่งมอบสินค้าไป ถือได้ว่าเป็นการส่งมอบสินค้าไปโดยไม่ได้รับเวนคืนใบตราส่งอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ผู้รับขนของทางทะเลที่ไม่ถูกต้อง ความรับผิดชอบจึงตกอยู่แก่ผู้ขนส่งทางทะเลและต้องไปว่ากล่าวเอาแก่ผู้ที่นำใบตราส่งปลอมมาเวนคืนต่อไป หาใช่เหตุที่จำเลยจะยกขึ้นปฏิเสธความรับผิดต่อผู้ส่งตามสัญญารับขนของทางทะเล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 409,630 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 409,630 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 กันยายน 2551) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความจำนวน 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยเป็นประการแรกว่า หนังสือมอบอำนาจให้นางสมใจ ดำเนินคดีแทนโจทก์ ประทับตราสำคัญของบริษัทโจทก์โดยชอบหรือไม่ คดีนี้โจทก์มอบอำนาจให้พยานดำเนินคดีนี้แทน โดยบริษัทโจทก์จดทะเบียนตราสำคัญไว้ 2 รูปแบบ ตามที่ปรากฏในรายการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและรายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อพิจารณาตราประทับในหนังสือมอบอำนาจ ก็เห็นได้ว่าตรงกับตราสำคัญของบริษัทโจทก์ที่จดทะเบียนไว้ดังกล่าว ส่วนที่นายธีระพล กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยเบิกความว่า ตราประทับในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นตราประทับปลอม มิใช่ตราประทับที่ให้ไว้แก่นายทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์นั้น เป็นคำเบิกความลอย ๆ ขัดต่อรายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมที่มีนายทะเบียนลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้มากกว่าพยานหลักฐานของจำเลยฟังได้ว่า หนังสือมอบอำนาจฉบับนี้ประทับตราสำคัญของโจทก์โดยชอบแล้ว นางสมใจจึงมีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยอีกประการหนึ่งว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงใดหรือไม่ จากข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ยุติว่า จำเลยเป็นผู้รับขนส่งสินค้าทางทะเลจากท่าเรือในประเทศไทยไปยังท่าเรือในประเทศอิสราเอล ตามใบตราส่งเอกสารท้ายคำฟ้อง อันเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง และจำเลยให้การรับว่าเป็นผู้ขนส่งสินค้าข้าวสารครั้งที่ 2 ตามฟ้องจริง จำเลยจึงเป็นผู้ขนส่งตามสัญญารับขนของทางทะเลที่ได้ออกใบตราส่งให้แก่โจทก์ผู้ส่ง ดังนั้น ผู้ซื้อสินค้าจากโจทก์จะใช้สิทธิเรียกให้จำเลยส่งมอบสินค้าได้ก็ต้องเวนคืนใบตราส่งนั้นแก่จำเลยหรือตัวแทนจำเลยตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 28 และตามคำเบิกความของนายธีระพลพยานจำเลยซึ่งเจือสมกับพยานหลักฐานของโจทก์ก็ได้ความว่า ใบตราส่งที่จำเลยออกให้แก่โจทก์มีฉบับสำเนาในการออกใบตราส่ง ส่วนใบตราส่งฉบับที่ผู้รับสินค้ามอบให้แก่ตัวแทนจำเลยในประเทศอิสราเอลเพื่อรับสินค้าไป คือใบตราส่ง ซึ่งเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกันแล้วมีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน คือในใบตราส่งที่แท้จริงที่จำเลยออกให้ซึ่งมีข้อความ ในช่องผู้รับตราส่งระบุชื่อว่า ROSHDI HAMADA & BROS CO., LTD ช่องชื่อเรือ E.R. FELIXSTOWE V.0712 ช่องท่าเรือที่บรรทุกของลงเรือ LAEM CHABANG PORT ช่องท่าเรือปลายทางที่ขนของขึ้น ASHDOD PORT, ISRAEL และช่องสถานที่ส่งมอบ ASHDOD PORT, ISRAEL แต่ในใบตราส่งที่ผู้รับสินค้ามอบแก่ตัวแทนจำเลย ในช่องผู้รับตราส่งระบุชื่อว่า TRADE & MARKETING CO. ROSHDI HAMADA & BROS. GEM. ช่องชื่อเรือ SA HELDERBERG V. 0722 ในช่องท่าเรือที่บรรทุกของลงเรือ LAEM CHABANG, THAILAND ในช่องท่าเรือปลายทางที่ขนของขึ้น ASHDOD, ISRAEL และช่องสถานที่ส่งมอบ ASHDOD, ISRAEL เห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันให้เห็นได้หลายประการ โดยเฉพาะชื่อเรือที่แตกต่างให้เห็นเป็นชื่อเรือคนละลำกัน และตามคำเบิกความของนางสาวยุวราช พยานจำเลยตอบทนายโจทก์ถามค้านยังได้ความว่า จำเลยส่งสินค้ามูลค่าสูงผ่านตัวแทนจำเลยดังกล่าวเป็นเวลากว่า 10 ปี ไม่เคยมีปัญหา แสดงว่าตัวแทนจำเลยเคยเห็นและสามารถตรวจสอบรายละเอียดใบตราส่งของจำเลยได้ดี ย่อมควรที่จะตรวจสอบรายละเอียดให้รอบคอบจนเห็นข้อแตกต่างในใบตราส่งที่ผู้รับสินค้านำมามอบให้กับใบตราส่งที่จำเลยออกให้จริงได้ จึงมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่า ข้อผิดพลาดในการตรวจใบตราส่งนี้เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อของตัวแทนจำเลยดังกล่าว และที่สำคัญไปกว่านี้ได้แก่ หน้าที่และความรับผิดชอบของจำเลยผู้รับขนของทางทะเลและตัวแทนจำเลยที่ทำหน้าที่ส่งมอบสินค้าแทนจำเลยในกรณีนี้ที่ต้องส่งมอบสินค้าแก่ผู้มีใบตราส่งฉบับแท้จริงมามอบเวนคืนให้ตามมาตรา 28 ดังกล่าวข้างต้น หากมีการมอบเวนคืนใบตราส่งปลอมอันมิใช่ฉบับที่แท้จริง แต่ตัวแทนจำเลยส่งมอบสินค้าไปก็ย่อมถือว่าเป็นการส่งมอบสินค้าไปโดยไม่ได้รับเวนคืนใบตราส่งอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ผู้รับขนของทางทะเลที่ไม่ถูกต้องตามมาตรา 28 ที่ความรับผิดชอบตกอยู่แก่ผู้ขนส่งทางทะเล แม้ต้นเหตุจะเกิดจากผู้ที่นำใบตราส่งปลอมมาใช้เวนคืนเพื่อรับสินค้าจนได้รับสินค้าไปก็ตาม ผู้ขนส่งทางทะเลก็ต้องรับผิดชอบในการส่งมอบสินค้าไม่ถูกต้อง และต้องไปว่ากล่าวเอาแก่ผู้ที่นำใบตราส่งปลอมมาเวนคืนนั้นต่างหากต่อไป หาใช่เหตุที่จำเลยจะยกขึ้นปฏิเสธความรับผิดต่อผู้ส่งตามสัญญารับขนของทางทะเลได้ ดังนี้จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญารับขนของทางทะเล เนื่องจากตัวแทนจำเลยปฏิบัติหน้าที่ในการส่งมอบของไม่ถูกต้องตามหน้าที่ของผู้ขนส่งตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 28 ดังกล่าว อันเป็นบทกฎหมายกำหนดหน้าที่ของผู้ขนส่งในการส่งมอบของที่ต้องเวนคืนใบตราส่ง เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการชำระค่าสินค้า และการปฏิบัติหน้าที่ผู้ขนส่งไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้ผู้ขายซึ่งเป็นผู้ส่งสินค้าที่ทำสัญญารับขนของทางทะเลกับจำเลยต้องเสียหายจากการที่ผู้ซื้อไม่ยอมชำระค่าสินค้า ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์อีกว่า โจทก์ตกลงยอมรับชำระค่าสินค้าจากผู้ซื้อที่นำใบตราส่งปลอมมารับมอบสินค้าตามข้อเสนอของผู้ซื้อเป็นเงินเพียง 777,953.02 บาท ซึ่งต่อมามีการชำระค่าสินค้ากันนั้น ข้อความ เกี่ยวกับการติดต่อเรียกร้องให้ผู้ซื้อชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ดังที่จำเลยกล่าวอ้างไม่ได้ความว่าโจทก์ตกลงยินยอมรับชำระหนี้เพียงจำนวนเงินดังกล่าว และมีการชำระเป็นจำนวนนี้เสร็จสิ้นกันแต่อย่างใด ดังนั้นที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share