คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คที่โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเจตนา ในการออกเช็คของจำเลยมาว่า ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริต ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น โดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ และระบุอ้างมาตรา 3(1) (2) มาในคำขอที่ให้ลงโทษท้ายคำฟ้องมาไว้ด้วย ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่โจทก์กล่าวหา ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งในข้อออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ ทั้งสองประการ
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยความผิดมายังไม่หมดประเด็นตามข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ กรณีก็ต้องยกคำพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่

ย่อยาว

คดีทั้ง ๗ สำนวนนี้โจทก์ โจทก์ร่วมและจำเลย เป็นบุคคลเดียวกัน ศาลให้รวมพิจารณาพิพากษามาด้วยกัน โดยโจทก์บรรยายฟ้องทั้ง ๗ สำนวนมีข้อความทำนองเดียวกันว่า
จำเลยขอซื้อยาปราบศัตรูพืชไปจากโจทก์เป็นงวด ๆ รวม ๗ งวด ต่อมาวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๑ เวลากลางวัน (เฉพาะคดีเลขดำที่ ๓๒๗/๒๕๑๒ เลขแดงที่ ๔๓๓/๒๕๑๒ เลข พ.ศ. ๒๕๑๒) นายประเดิม เกตวัลห์ พนักงานของบริษัท ๆ โจทก์ร่วมไปขอเก็บเงินแล้วจำเลยได้ออกเช็ค ๗ ฉบับ สั่งจ่ายเงินชำระหนี้ค่ายาให้โจทก์ร่วมลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คแต่ละฉบับเป็นวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๑, ๓ มกราคม ๒๕๑๒, วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๑๒ วันที่ ๗,๑๕,๒๖,๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ ต่อมาวันที่ ๑ กับวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๒ นายประเดิมนำเช็คไปขอรับเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทั้ง ๗ ฉบับ ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตออกเช็ค โดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น โดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓(๑) (๒) และขอให้นับโทษติดต่อกันทุกสำนวน
บริษัทดีทแฮล์ม จำกัด นายฮันส์ อ๊อท ผู้รับมอบอำนาจกระทำการแทนขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
จำเลยให้การปฏิเสธทุกสำนวน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำบรรยายฟ้องโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓(๒) เท่านั้น โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าวันที่ลงในเช็คทั้ง ๗ ฉบับ จำเลยมีเงินในบัญชีพอจ่ายหรือไม่ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเฉพาะคดีเลขดำที่ ๓๒๗/๒๕๑๒ จำเลยเขียนเช็คให้โจทก์ร่วมในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๒ สั่งจ่ายเงินวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๑ โจทก์ฟ้องวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๑๒ ก่อนจำเลยเขียนเช็ค ลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายกฟ้องทุกสำนวน
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อหาของโจทก์มีข้อหาเดียวตามอนุมาตรา ๒ ของมาตรา ๓ โจทก์สืบไม่ได้ตามฟ้อง จึงพิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกาต่อมาขอให้กลับย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นตามฟ้องใน+อนุมาตรา ๑ ของมาตรา ๓
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำบรรยายฟ้องทั้ง ๗ สำนวน เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ปัญหาเฉพาะคำบรรยายฟ้องที่เกี่ยวกับเจตนาในการออกเช็คของจำเลยว่า โจทก์มีความประสงค์เพียงไร ทั้งนี้ เพราะประโยคที่ใช้ในฟ้องมีว่า ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น โดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความตามประโยคดังกล่าวเพียงพอเข้าใจได้ว่าโจทก์ประสงค์จะชี้เจตนาของจำเลยทั้งสองประการ มิฉะนั้นก็ไม่จำต้องระบุถึงเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินไว้ด้วย และตามคำขอท้ายฟ้องยังได้ระบุอนุมาตรา (๑) (๒) ไว้ชัดด้วย จะถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะอ้างถึงเจตนาตามอนุมาตรา (๑) อย่างไรได้ ทั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า ความผิดของจำเลยเกิดขึ้นแล้ว เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คของจำเลย เจตนาของจำเลยในการออกเช็คจะปรับเข้าได้ตามอนุมาตราใด ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์จะพิสูจน์ให้ประจักษ์ ทางใดทางหนึ่งหรือทั้งสองทางก็ได้ โดยเฉพาะเจตนาออกเช็คที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คตามอนุมาตรา (๑) เป็นเจตนาที่มีนัยกว้างขวางกว่าเจตนาออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ ตามอนุมาตรา (๒) ซึ่งจำกัดเพียงเวลาออกเช็คเป็นสำคัญเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เจตนาไม่ใช้เงินตั้งแต่แรกออกเช็คอย่างหนึ่ง กับอีกอย่างหนึ่ง ภายหลังออกเช็คแล้ว ดังนั้น แม้ฝ่ายโจทก์จะนำสืบไม่ได้ว่า จำเลยไม่มีเงินหรือมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ในวันที่ออกเช็คตามอนุมาตรา (๒) ข้อหาตามฟ้องโจทก์ก็จำต้องพิจารณาต่อไปด้วยว่า เป็นการออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ตามอนุมาตรา (๑) หรือไม่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันว่า ฟ้องโจทก์มีข้อหาตามอนุมาตรา (๒) ข้อเดียว ซึ่งการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๓(๒) โดยไม่ได้วินิจฉัยว่า จะเป็นความผิดตามมาตรา๓(๑) หรือไม่ ยังไม่เป็นการถูกต้องตรงตามฟ้องของโจทก์ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณา เฉพาะฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ ๓๒๗/๒๕๑๒ เลขแดงที่ ๔๓๓/๒๕๑๒ ของศาลชั้นต้นที่ระบุว่า จำเลยออกเช็คในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๒ ซึ่งเป็นวันที่หลังโจทก์ยื่นฟ้องแล้ว แสดงว่าเป็นเรื่องพลั้งเผลอพิมพ์ พ.ศ.ผิด ที่ถูกน่าจะเป็นพ.ศ. ๒๕๑๑ จึงมีการระบุวันสั่งจ่ายเงินในวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๑ และขึ้นเงินธนาคารในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๑๒ สำหรับวันที่ออกเช็ค ถือว่ามิใช่ข้อสารสำคัญในฟ้อง ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ในเรื่อง พ.ศ. ที่พิมพ์ผิดแต่อย่างใด จึงไม่เป็นเหตุจะยกฟ้องในสำนวนนั้นได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียโดยมิได้วินิจฉัยให้หมดประเด็นในฟ้องว่าจำเลยจะมีความผิดตามมาตรา ๓(๑) หรือไม่นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ร่วมฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาเสียใหม่ตามรูปคดี

Share