แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยปิดกั้นทางสาธารณะโดยการขุดหลุมและปักเสาไม้ลงบนถนนแล้วใช้ไม้และกิ่งไม้ขวางไว้โดยมีเจตนาไม่ให้บุคคลทั่วไปผ่านไปมา การขุดหลุมปักเสาลงบนถนนย่อมทำให้ถนนเสียหาย และการที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถผ่านไปมาได้ ย่อมเป็นการทำให้ถนนไร้ประโยชน์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันปิดกั้นถนนเลียบคลองจำปาหล่อซึ่งเป็นทางสาธารณ จนประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และเมื่อราษฎรได้รื้อถอนสิ่งที่ปิดกั้นแล้ว จำเลยที่ ๑ ได้ปิดกั้นถนนดังกล่าวอีก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐, ๘๓, ๙๑
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ ประกอบด้วย มาตรา ๘๓ กระทงหนึ่ง ผิดตามมาตรา ๓๖๐ อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุกกระทงละ ๖ เดือน รวมเป็น ๑ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๘ เดือน จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ ประกอบด้วย มาตรา ๘๓ ให้จำคุกคนละ ๖ เดือน แต่ให้รอการลงโทษจำเลยที่ ๒ที่ ๓ ไว้คนละ ๑ ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการที่จำเลยทั้งสามปิดกั้นถนนเลียบคลองจำปาพลัด ซึ่งเป็นทางสาธารณะ จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามภาพถ่ายแสดงบริเวณที่เกิดเหตุหมาย จ. ๔ (รวม ๔ ภาพ) และแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.๕ จำเลยทั้งสามได้ปิดกั้นทาง (ถนน) สาธารณะ โดยการขุดหลุมและปักเสาไม้ลงบนถนนแล้วใช้ไม้และกิ่งไม้ขวางไว้โดยมีเจตนาไม่ให้บุคคลทั่วไปผ่านไปมารวม ๒ แห่ง มีระยะทางห่างกันประมาณ ๕๘ เมตร การขุดหลุมปักเสาลงบนถนนย่อมทำให้ถนนเสียหาย และการที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถผ่านไปมาได้ ย่อมเป็นการทำให้ถนนไร้ประโยชน์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ แล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้รอการลงโทษจำเลยที่ ๑ ไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ด้วย