แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามสัญญาจ้างผู้ว่าจ้างจะแบ่งจ่ายเงินให้เป็นงวด ๆ คือ งวดที่ 1 เงิน 56,900 บาท จะจ่ายให้เมื่อผู้รับจ้างได้ทำงานนั้นเสร็จ โดยผู้รับจ้างต้องทำหนังสือค้ำประกันของธนาคารภายในวงเงิน 56,900 บาท มามอบให้กับผู้ว่าจ้างเพื่อเป็นประกันเงินที่ได้รับไป หากปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญาให้เรียกเงินค้ำประกันจำนวน 56,900 บาท จากธนาคารได้ทันที จะคืนหนังสือค้ำประกันให้เมื่อคณะกรรมการฯ ได้ตรวจรับงานงวดที่สองแล้ว ข้อความในสัญญาที่ว่า หากปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญาให้เรียกเงินค้ำประกันจำนวน 56,900 บาท คืนจากธนาคารได้ทันทีนั้นต้องหมายความถึงการที่ผู้รับจ้างผิดสัญญาตั้งแต่งานงวดที่ 2 เป็นต้นไป ธนาคารจะหมดความรับผิดคืนเงินจำนวนดังกล่าวต่อเมื่อมีการตรวจรับงานงวดที่ 2 โดยผู้ว่าจ้างคืนหนังสือค้ำประกันให้แล้ว เมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญาทำงานงวดที่สองไม่เสร็จ ก็ต้องร่วมกับธนาคารคืนเงินค่าจ้างวดที่ 1 ให้แก่ผู้ว่าจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ ๑ รับเหมาเปลี่ยนสายเคเบิลใต้น้ำที่สะพานพุทธยอดฟ้า บริษัทธนาคารจำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๓ ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันทั้งความเสียหายทั่วไป และค้ำประกันการรับเงินงวดที่ ๑ ของจำเลยที่ ๑ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ทำงานงวดที่ ๑ เสร็จ โจทก์ตรวจรับมอบงานและจ่ายเงินงวดที่ ๑ เป็นเงิน ๕๖,๙๐๐ บาท ให้จำเลยที่ ๑ เรียบร้อยไปแล้ว ส่วนงานงวดที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญา โจทก์เสียหาย จำเลยที่ ๑ ต้องเสียค่าปรับให้โจทก์ ๗๘,๐๐๐ บาท และค่าเสียหาย ๑๒,๘๔๕ บาท และชดใช้เงินค่าจ้างที่รับไปสำหรับงานงวดที่ ๑ เป็นเงิน ๕๖,๙๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๑๔๗,๗๔๕ บาท จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จะต้องรับผิดรวมเป็นเงิน ๖๙,๗๔๕ บาท ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๑๔๗,๗๔๕ บาท ถ้าไม่ชำระให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ชำระ ๘๙,๗๔๕ บาท
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ทำสัญญาตามฟ้องจริง แต่ฟ้องเคลือบคลุม จำเลยทำงานงวดที่ ๑ เสร็จตามสัญญาและโจทก์รับมอบงานไปแล้ว โจทก์ไม่เสียหาย ไม่มีสิทธิเรียกเงินสำหรับงานงวดนี้คืน จำเลยทำงานงวดที่ ๒ ไม่เสร็จเพราะเหตุสุดวิสัย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย ค่าปรับก็ปรับได้ไม่เกินวันละ ๑๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๓ ทำสัญญาค้ำประกันในนามจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ทำงานงวดที่ ๑ เสร็จแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิด โจทก์ผ่อนเวลาให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ไม่ต้องรับผิด หากจะรับผิดก็เฉพาะตามสัญญาค้ำประกันทั่วไป
ศาลชั้นต้นฟังว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย ต้องคืนเงินงวดที่ ๑ ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันทั้งสองฉบับ จำเลยที่ ๓ เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดด้วย พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ใช้เงิน ๗๒,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงิน ๖๙,๗๔๕ บาทพร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องเงินค่าจ้างงวดที่ ๑ จากจำเลยที่ ๑ และเงินค้ำประกันงวดที่ ๑ จากจำเลยที่ ๒ พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินค่าปรับแก่โจทก์ ๑๕,๖๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระให้จำเลยที่ ๒ ใช้เงิน ๑๒,๘๔๕ บาทแก่โจทก์
โจทก์ฎีกา ขอให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ รับผิดในเงินค่าจ้างงวดที่ ๑ ด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาจ้างระบุว่า “การจ้างรายนี้ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างได้ตกลงราคากันรวมทั้งค่าสิ่งของสัมภระและค่าแรงงานเป็นเงิน ๒๕๖,๙๐๐ บาท และผู้ว่าจ้างจะแบ่งจ่ายให้เป็นงวด ๆ คือ งวดที่ ๑ เงิน ๕๖,๙๐๐ บาท จะจ่ายให้เมื่อผู้รับจ้างได้เตรียมงานวางสายพร้อมทั้งมีอุปกรณ์ส่วนประกอบของการวางสายบางส่วน และทำการหล่อคอนกรีตสมอสำหรับถ่วงสายเคเบิลจนครบตามจำนวนที่ต้องการใช้งานเรียบร้อยแล้ว โดยผู้รับจ้างต้องทำหนังสือค้ำประกันของธนาคารภายในวงเงิน ๕๖,๙๐๐ บาท มามอบให้กับกรมโยธาเทศบาลเพื่อเป็นประกันเงินที่ได้รับไป หากปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ให้เรียกเงินค้ำประกันจำนวน ๕๖,๙๐๐ บาท จากธนาคารได้ทันที จะคืนหนังสือค้ำประกันให้เมื่อคณะกรรมการฯ ได้ตรวจรับงานงวดที่ ๒ แล้ว ซึ่งจะแล้วเสร็จในวันที่ ๓๐ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕ งวดที่ ๒ ฯลฯ” ข้อความในสัญญาดังกล่าวเห็นได้ชัดว่า โจทก์ผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินค่าจ้างงวดที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๑ ผู้รับจ้างตามข้อสัญญาเมื่องานงวดที่ ๑ เสร็จ และมีการตรวจรับมอบงานงวดที่ ๑ ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การผิดสัญญาก่อสร้างงวดที่ ๑ ภายหลังที่จำเลยที่ ๑ ได้รับเงินงวดที่ ๑ ไปจากโจทก์ผู้ว่าจ้างแล้วย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ ข้อความในสัญญาที่ว่า “ฯลฯ” หากปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ให้เรียกร้องเงินค้ำประกันจำนวน ๕๖,๙๐๐ บาท คืนจากธนาคารได้ทันที” นั้น เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อความในสัญญาข้อที่ว่าผู้รับจ้างจะต้องนำหนังสือค้ำประกันของธนาคารเมื่อจะขอรับเงินงวดที่ ๑ เป็นเงิน ๕๖,๙๐๐ บาท มาวางต่อผู้ว่าจ้างแล้วต้องหมายความถึงการที่จำเลยที่ ๑ ผู้รับจ้างผิดสัญญาก่อสร้างตั้งแต่งานงวดที่ ๒ เป็นต้นไปธนาคารจะหมาดความรับผิดคืนเงินจำนวนดังกล่าวต่อเมื่อมีการตรวจรับงานงวดที่ ๒ แล้ว เมื่อจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาทำงานงวดที่ ๒ ไม่แล้วเสร็จ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ จึงต้องคืนเงินค่าจ้างงวดที่ ๑ แก่โจทก์
พิพากษาแก้เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น