คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นลูกจ้างประจำบริษัทจำเลย ทำงานเต็มเวลาติดต่อกันมา15 ปี จำเลยให้โจทก์ออกจากงานโดยโจทก์ไม่มีความผิด โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จตามระเบียบการจ่ายเงินบำนาญของจำเลย การที่จำเลยออกระเบียบการจ่ายเงินบำนาญใหม่มาใช้แทนระเบียบเดิมโดยไม่ได้แจ้งให้สหพันธ์แรงงานและโจทก์ทราบระเบียบดังกล่าวไม่มีผลบังคับโจทก์

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิรับบำเหน็จเป็นเงิน 41,400 บาท ให้หักเงินที่จำเลยจ่ายเป็นค่าชดเชยแก่โจทก์ไปแล้ว 15,563 บาทออก คงเหลือที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์ 25,837 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินบำเหน็จแก่โจทก์ 41,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้โดยไม่มีข้อโต้แย้งว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำบริษัทจำเลย ทำงานเต็มเวลาติดต่อกันมา 15 ปี จำเลยให้โจทก์ออกจากงานโดยโจทก์ไม่มีความผิด ขณะออกจากงานโจทก์อายุประมาณ50 ปีเศษ และจำเลยได้จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ไปแล้ว 15,563 บาท คดีมีปัญหาสู่ศาลฎีกาว่า จะใช้ระเบียบตามเอกสารหมาย ล.1 มาบังคับคดีได้หรือไม่ และจะต้องหักเงินค่าชดเชยออกก่อนจ่ายบำเหน็จหรือไม่ ซึ่งจะได้วินิจฉัยเป็นลำดับไป

ปัญหาเรื่องการใช้ระเบียบตามเอกสารหมาย ล.1 มาบังคับคดีได้ความจากฎีกาจำเลยว่าระเบียบตามเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งจำเลยออกมาใช้แทนระเบียบตามเอกสารหมาย ล.1 จำเลยไม่ได้แจ้งให้สหพันธ์แรงงานและโจทก์ทราบ ฉะนั้นระเบียบนี้จึงไม่มีผลบังคับโจทก์ ศาลอุทธรณ์ใช้ระเบียบตามเอกสารหมาย ล.1มาบังคับคดีชอบแล้ว ส่วนปัญหาเรื่องควรหักเงินค่าชดเชยออกก่อนจ่ายบำเหน็จให้โจทก์หรือไม่นั้น จำเลยฎีกาแต่เพียงว่า เมื่อจำเลยเลิกจ้าง โจทก์มิได้ติดใจเรื่องเงินบำเหน็จที่ฟ้อง แต่ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินบำเหน็จเต็มตามฟ้องโดยไม่หักเงินค่าชดเชยออกก่อน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า โจทก์ยังติดใจเรียกร้องเงินบำเหน็จอยู่ จนถึงต้องฟ้องเรียกจากจำเลยเป็นคดีนี้ จึงไม่มีเหตุที่จะแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นอย่างอื่น”

พิพากษายืน

Share