คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลำพังแต่แบบพิมพ์เช็คที่ธนาคารได้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าของธนาคารใช้เป็นหนังสือตราสาร คำสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินแก่ผู้รับเงินที่ยังไม่ได้ลงชื่อผู้สั่งจ่ายและกรอกรายการอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 988 ให้ครบถ้วนบริบูรณ์แบบพิมพ์นั้นก็ยังไม่เป็นเช็คหรือตั๋วเงินที่ใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ถึงแม้แบบพิมพ์ที่จำเลยใช้กรอกข้อความรายการทำให้ใช้ได้เป็นเช็ค จะมิใช่แบบพิมพ์เช็คที่ธนาคารได้จัดพิมพ์ขึ้นไว้ให้ใช้เมื่อปรากฏว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเป็นลายมือชื่อของจำเลยเองมิได้ปลอมลายมือชื่อของบุคคลอื่นใด เช็คนั้นย่อมไม่ใช่เอกสารปลอมหรือตั๋วเงินปลอม
เมื่อเอกสารที่จำเลยนำไปใช้ไม่ใช่เป็นตั๋วเงินปลอม แม้จำเลยจะนำไปใช้ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนจำเลยก็ยังไม่มีความผิดฐานใช้ตั๋วเงินปลอม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2510 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2510 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเช็คอันเป็นตั๋วเงินตามกฎหมาย โดยนำเอาแบบพิมพ์ซึ่งมิใช่เช็คตราสารอันแท้จริงของธนาคารเอเซียทรัสต์ จำกัด ซึ่งมีผู้อื่นทำปลอมขึ้นมาเพียนกรอกข้อความลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2510 เงินสดสองหมื่นบาทถ้วนลงชื่อนางขาฮุ้ง แซ่โต๋ว ผู้สั่งจ่าย และด้านหลังลงชื่อ พยอม ขันสัมฤทธิ์ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเช็คอันแท้จริงของธนาคารเอเซียทรัสต์ จำกัด โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายเว้งงุย แซ่ก๊วย ธนาคารเอเซียทรัสต์ จำกัด ผู้อื่นและประชาชน และตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันหลอกลวงนายเว้งงุยเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดความจริงอันควรบอกให้แจ้ง โดยจำเลยที่ 1 นำเช็คดังกล่าวไปขอแลกเงินสดจากนายเว้งงุย และหลอกลวงนายเว้งงุยว่าจำเลยที่ 2 ผู้สั่งจ่ายเงินเป็นเจ้าของร้านเพชร เช็คดังกล่าวมีเงินอยู่ในบัญชี จนนายเว้งงุยหลงเชื่อมอบเงินสดให้จำเลยที่ 1 ไป 17,500 บาท ซึ่งความจริงจำเลยที่ 2 ไม่มีเงินฝากและไม่เคยเปิดบัญชีฝากเงินที่ธนาคารเอเซียทรัสต์ จำกัด และมิได้เป็นเจ้าของร้านเพชรเลย เหตุเกิดที่ตำบลช่องนนทรีย์ และที่ตำบลยานนาวา อำเภอยานนาวา กับที่ตำบลมหาพฤฒาราม อำเภอบางรัก จังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266, 268, 341, 83ริบเช็คปลอม กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 17,500 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 2 มอบเช็คให้ไปแลกเงินสดจากนายเว้งงุย นายเว้งงุยให้เงินสด 3,000 บาท และออกเช็ค 3,000 บาทให้จำเลยไปรับเงิน เช็คฉบับนี้จำเลยที่ 2 ได้มาอย่างไรไม่ทราบ

จำเลยที่ 2 ให้การว่า เซ็นชื่อในเช็คฉบับที่ฟ้องจริง โดยจำเลยที่ 1ให้เซ็นเป็นพยาน ไม่เคยเอาเช็คไปใช้กับนายเว้งงุยและเช็คไม่ใช่ของจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันใช้ตั๋วเงินปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266, 83 และจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 อีกบทหนึ่งด้วย แต่การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266 บทหนัก ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละ1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ริบเช็คของกลาง คำขอให้คืนหรือใช้เงิน ให้ไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เช็คตามเอกสารหมาย จ.1 ที่จำเลยที่ 2ให้จำเลยที่ 1 นำไปใช้ไม่ใช่เอกสารปลอม การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานใช้ตั๋วเงินปลอม จำเลยที่ 1 ผู้เดียวมีความผิดฐานฉ้อโกงสถานเดียว พิพากษาแก้ ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานใช้ตั๋วเงินปลอมด้วย ให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และจำเลยที่ 1 ฎีกาด้วยแต่ศาลชั้นต้นและศาลฎีกาเห็นว่ามิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายอย่างสด และเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แบบพิมพ์เช็คตามเอกสารหมาย จ.1 ที่จำเลยทั้งสองนำไปใช้ แม้จะมิใช่เป็นแบบพิมพ์ที่ธนาคารเอเซียทรัสต์ จำกัด ได้จัดพิมพ์ขึ้นไว้สำหรับจ่ายให้ลูกค้าของธนาคารใช้เป็นหนังสือตราสารคำสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินแก่ผู้รับเงินในลักษณะที่จะใช้เป็นเช็คก็ตาม แต่เอกสารหมาย จ.1 นี้ ถ้าลำพังแต่ตัวแบบพิมพ์ได้พิมพ์รายการไว้บางรายการว่าเป็นเช็ค ชื่อ หรือยี่ห้อสำนักงานของธนาคาร และสถานที่ใช้เงิน ยังไม่มีรายการอื่นให้ครบถ้วนบริบูรณ์ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 988 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก็ยังไม่มีลักษณะที่ใช้ได้เป็นเช็คหรือเป็นตั๋วเงินโดยชอบต่อเมื่อใดได้กรอกรายการจำนวนเงินที่แน่นอนชื่อหรือยี่ห้อผู้รับเงินหรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ สถานที่ใช้เงิน วันสถานที่ออกเช็ค และลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายตามที่กล่าวไว้ในมาตรา 988 แห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้น จึงจะทำให้แบบพิมพ์หรือหนังสือตราสารนั้นเป็นเช็คอันแท้จริง สมบูรณ์ใช้ได้โดยถูกต้องตามกฎหมายคดีนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะได้เป็นผู้กรอกข้อความลงในเอกสาร หมาย จ.1 ให้มีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตามมาตรา 988 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันทำให้เอกสารหมาย จ.1 เป็นเช็คที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็ปรากฏว่า ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเอกสาร หมาย จ.1 นี้ เป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เอง มิได้ปลอมลายเซ็นชื่อหรือลายมือชื่อของบุคคลอื่นใด จึงมีผลเท่ากับเป็นเช็คหรือหนังสือตราสาร คำสั่งจ่ายอันแท้จริงของจำเลยที่ 2 เองจึงยังถือไม่ได้ว่าเอกสารหมาย จ.1 เป็นเช็คหรือเอกสารปลอม เพราะจำเลยที่ 2 มิได้ทำปลอมเช็คของบุคคลอื่นใด เมื่อเอกสารหมาย จ.1ไม่ใช่เป็นเอกสารปลอม แม้จำเลยทั้งสองจะได้นำไปใช้ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จำเลยทั้งสองก็ยังไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมหรือใช้ตั๋วเงินปลอมตามที่โจทก์ฟ้องดังโจทก์ฎีกา คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาของโจทก์

Share