แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะจำเลยทำสัญญาจะให้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทบิดาโจทก์ยังมีชีวิตอยู่ บิดาโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินการขอรับโอนมรดกที่ดินพิพาทได้เอง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยบุคคลที่ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลโดยอ้างการครอบครองปรปักษ์ซึ่งไม่มีมูลความจริง และขัดต่อเหตุผลดังที่ระบุในสัญญาดังกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ดำเนินการให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท หากโจทก์สามารถดำเนินการจนทำให้จำเลยสามารถได้กรรมสิทธิ์ จำเลยจะแบ่งให้โจทก์ 6 ส่วน โดยจำเลยได้ 1 ส่วน ซึ่งผิดวิสัยของผู้ครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์อย่างแท้จริง อีกทั้งตามคำฟ้องของโจทก์ระบุชัดเจนว่า จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทอันเป็นมรดกของ ป. โดยได้รับอนุญาตจากบิดาโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของ ป. แสดงว่าการที่จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นการอาศัยสิทธิของบิดาโจทก์ หาใช่การครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของไม่ การทำสัญญาจะให้กรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีใจความเช่นนี้จึงมีสาระสำคัญอันเป็นความเท็จ ซึ่งหลังจากทำสัญญาดังกล่าวมีการไปยื่นคำร้องขออันเป็นเท็จต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นหลงเชื่อจนมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่ย่อมต้องคำนึงถึงการประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมตามความเป็นจริง ถือได้ว่าเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นการทำโดยสมัครใจ ไม่มีการบังคับข่มขู่ หลอกลวง หรือกลฉ้อฉล สัญญาดังกล่าวก็ย่อมตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150
เมื่อคำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทโดยได้รับอนุญาตจากบิดาโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของ ป. และจำเลยก็กล่าวแก้ว่า โจทก์ทราบว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ทำให้ที่ดินตกเป็นของจำเลยโดยผลของกฎหมายแล้ว ครั้นเมื่อโจทก์แพ้คดีกลับอ้างข้อต่อสู้ของจำเลยมาเป็นประโยชน์ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น ทั้งไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในข้อนี้
ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง หาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยดำเนินการแบ่งแยกและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 98783 ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ให้โจทก์ 6 ส่วน เป็นเนื้อที่ 312.85 ตารางวา จากบริเวณที่เป็นบ้านของจำเลยทางทิศเหนือไปทางทิศใต้ตลอดแนวตามรูปแผนที่ที่ดิน โดยให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เป็นเงิน 80,000 บาท
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 98783 ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ให้แก่โจทก์ 6 ใน 7 ส่วนของที่ดินดังกล่าว หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 2521 ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ 1 ไร่ 40 ตารางวา มีชื่ออำแดงแปลกเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ อำแดงแปลกไม่ได้สมรสและไม่มีบุตร อำแดงแปลกถึงแก่ความตายเมื่อปี 2500 นายหวาดเป็นหลานของอำแดงแปลก ส่วนโจทก์เป็นบุตรของนายหวาดกับนางทองสุข
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า สัญญาจะให้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทขัดต่อความสงบเรียบร้อยและตกเป็นโมฆะตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 หรือไม่ เห็นว่า สัญญาจะให้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทขัดต่อเหตุผลในสาระสำคัญ เพราะหากถือตามคำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของอำแดงแปลก เมื่ออำแดงแปลกถึงแก่ความตายที่ดินดังกล่าวย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย ซึ่งหากอำแดงแปลกไม่ได้สมรสและไม่มีบุตรจริง ผู้สืบสันดานในชั้นหลานย่อมเป็นทายาทโดยธรรมในลำดับแรก ในข้อนี้คำฟ้องของโจทก์บรรยายต่อไปว่านายหวาดบิดาโจทก์เป็นทายาทของอำแดงแปลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามคำเบิกความของนายนเรศบุตรจำเลยที่ร่วมลงลายมือชื่อในฐานะผู้จะให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินในสัญญาดังกล่าว ได้ความว่า ขณะทำสัญญาจะให้ดังกล่าวนายหวาดบิดาโจทก์ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นนายหวาดย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินการขอรับโอนมรดกที่ดินพิพาทได้เอง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยบุคคลที่ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลโดยอ้างการครอบครองปรปักษ์ซึ่งไม่มีมูลความจริง และขัดต่อเหตุผลดังที่ระบุในสัญญาดังกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ดำเนินการให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ซึ่งหากโจทก์สามารถดำเนินการจนทำให้จำเลยสามารถได้กรรมสิทธิ์ จำเลยจะแบ่งให้โจทก์ 6 ส่วน โดยจำเลยได้ 1 ส่วน ซึ่งผิดวิสัยของผู้ครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์อย่างแท้จริง อีกทั้งตามตามคำฟ้องของโจทก์ระบุชัดเจนว่า จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทอันเป็นมรดกของอำแดงแปลกโดยได้รับอนุญาตจากนายหวาดบิดาโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของอำแดงแปลก แสดงว่าการที่จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นการอาศัยสิทธิของนายหวาดบิดาโจทก์ หาใช่การครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของไม่ การทำสัญญาจะให้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทมีใจความเช่นนี้จึงมีสาระสำคัญอันเป็นความเท็จ ซึ่งหลังจากทำสัญญาดังกล่าวมีการไปยื่นคำร้องขออันเป็นเท็จต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นหลงเชื่อจนมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่ย่อมต้องคำนึงถึงการประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมตามความเป็นจริง ถือได้ว่าเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นการทำโดยสมัครใจ ไม่มีการบังคับข่มขู่ หลอกลวง หรือกลฉ้อฉลดังที่โจทก์ฎีกา สัญญาดังกล่าวก็ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยยึดถือครอบครองที่ดินเพื่อตนมิใช่ครอบครองแทนเจ้าของกรรมสิทธิ์ เพราะข้อเท็จจริงจำเลยยืนยันว่าจำเลยครอบครองที่ดินจนได้กรรมสิทธิ์นั้น เห็นว่า เมื่อคำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทโดยได้รับอนุญาตจากบิดาโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของอำแดงแปลก และจำเลยก็กล่าวแก้ว่า โจทก์ทราบว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ทำให้ที่ดินตกเป็นของจำเลยโดยผลของกฎหมายแล้ว ครั้นเมื่อโจทก์แพ้คดีกลับอ้างข้อต่อสู้ของจำเลยมาเป็นประโยชน์ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น ทั้งไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในข้อนี้ ที่โจทก์ฎีกาต่อไปว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยโดยจำเลยไม่อุทธรณ์ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า หากเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง หาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ