แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยออกเช็คจำนวนเงิน 30,000 บาทให้โจทก์ เช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ต่อมาโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้ ช.ช.นำเช็คไปเข้าบัญชีของตนแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินช.คืนเช็คให้โจทก์ดังนี้ การที่โจทก์สลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้แก่ช.ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นแก่ ช.แล้วช.จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรงหาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ เมื่อช.เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันเกิดเหตุตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ช.จึงเป็นผู้เสียหายการที่ช.คืนเช็คให้โจทก์แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คลงวันที่ 30 มิถุนายน 2520 จำนวนเงิน30,000 บาท ชำระหนี้โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์ให้ธนาคารตามเช็ครับรองการใช้เงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการรับรอง ต่อมาโจทก์นำเช็คไปฝากเข้าบัญชีของผู้มีชื่อยังธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาท่าพระ เพื่อให้เรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ 12 กรกฎาคม 2520ให้เหตุผลว่า “เงินในบัญชีไม่พอจ่าย” และ “การยกเลิกไม่มีผล พร้อมกับมอบเช็คและใบคืนเช็คให้โจทก์ ทั้งนี้จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค หรือออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีขณะที่ออกเช็คนั้น หรือห้ามธนาคารมิให้จ่ายเงินโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยออกเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสีลมจำนวนเงิน 30,000 บาทให้โจทก์ เช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือต่อมาโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้นายชูเกียรติ นายชูเกียรตินำเช็คไปเข้าบัญชีของตน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินนายชูเกียรติคืนเช็คให้โจทก์ โจทก์จึงนำเช็คมาฟ้องจำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ยังคงเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหาย เพราะนายชูเกียรติเป็นเพียงตัวแทนโจทก์ในการเรียกเก็บเงินตามเช็คศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าการที่โจทก์สลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้แก่นายชูเกียรติย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นแก่นายชูเกียรติแล้ว นายชูเกียรติจึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรงหาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่ คำพิพากษาฎีกาที่ 1862/2519 และ 110/2520 ที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้เมื่อนายชูเกียรติเป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันเกิดเหตุตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนายชูเกียรติจึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา การที่นายชูเกียรติคืนเช็คให้โจทก์แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย
พิพากษายืน