คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ให้บุคคลภายนอกเช่าที่พิพาทไปแล้ว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยอาศัย โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยไม่ออก โดยเพิกเฉยอยู่ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นการฟ้องอ้างว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิด มิใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยอาศัย เป็นเพียงการกล่าวถึงมูลกรณีเดิม ว่าจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทได้อย่างไรเท่านั้น แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยเข้าอยู่ในในที่พิพาทโดยการเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว ยังขืนอยู่ต่อมา ก็เป็นการอยู่โดยละเมิดตรงตามฟ้องโจทก์นั่นเอง ศาลจึงพิพากษาขับไล่จำเลยได้ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๕๙๙ จำเลยได้ขออาศัยที่ดินของโจทก์ส่วนหนึ่ง เนื้อที่ประมาณ ๒๕ ตารางวา โจทก์ได้ขอให้จำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยไม่ยอมออกไป ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยขออาศัยที่ดินของโจทก์ แต่ได้ซื้อจากโจทก์มาประมาณ ๓๐ตารางวา เมื่อ ๑๐ ปีเศษมาแล้ว จำเลยครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยเสียค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ ๒๕ บาทนับแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๕ เป็นต้นไป จนกว่าจะออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ให้บุคคลภายนอกเช่าที่พิพาทไปแล้ว เมื่อโจทก์ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทนี้อยู่ ยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ใดไป โจทก์จึงย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
และศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยอาศัย โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยไม่ออก โดยเพิกเฉยอยู่ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นการฟ้องว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิด มิใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยอาศัย เป็นเพียงการกล่าวถึงมูลกรณีเดิม ว่าจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทได้อย่างไรเท่านั้น แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยเข้าอยู่ในในที่พิพาทโดยการเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยยังขืนอยู่ต่อมา ก็เป็นการอยู่โดยละเมิดตรงตามฟ้องโจทก์นั่นเอง ศาลจึงพิพากษาขับไล่จำเลยได้ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
พิพากษายืน

Share