คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่เมืองไซ่ง่อน ประเทศสาธารณรัฐเวียตนาม และประธานกรรมการบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้ผู้จัดการสาขาบริษัทของโจทก์ซึ่งมีสาขาอยู่ที่ประเทศไทยมีอำนาจดำเนินการปฏิบัติแทนและในนามของบริษัทในเรื่องการสัมพันธ์ติดต่อรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่และบริษัทเอกชน สำนักงานหนังสือพิมพ์ และสาธารณชนทั่วไปได้ดังนั้น เมื่อต่อมาจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างสาขาบริษัทโจทก์ในประเทศไทยทำหน้าที่พนักงานขายตั๋วโดยสารเครื่องบินแล้วไม่นำเงินค่าตั๋วส่งให้สาขาบริษัทโจทก์ ผู้จัดการสาขาบริษัทโจทก์ในประเทศไทยย่อมมีอำนาจร้องทุกข์หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปร้องทุกข์แทนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัท จำกัด อยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐเวียตนาม นายเหงียน ตัน ตรุง เป็นประธานบริษัทที่มีอำนาจกระทำการใด ๆ แทนบริษัทได้ และโจทก์มีสำนักงานหรือตัวแทนอยู่ที่ประเทศไทย นายตรัน วัน ลาย เป็นผู้จัดการมีอำนาจกระทำการใด ๆ ในประเทศไทยแทนบริษัทโจทก์ได้ จำเลยเป็นลูกจ้าง และมีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของโจทก์โดยจัดการจำหน่ายตั๋วโดยสารเครื่องบินและเก็บเงินค่าโดยสารส่งให้บริษัทโจทก์ แต่จำเลยกลับยักยอกเอาเงินค่าโดยสารเครื่องบินของบริษัทโจทก์ไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.3 และคำแปลเอกสารหมาย จ.4 มิได้อนุญาตให้นายตรัน วัน ลาย ผู้จัดการบริษัทของโจทก์ในกรุงเทพฯ ร้องทุกข์และดำเนินคดีทางศาล คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 ซึ่งเป็นคำแปลนายตรัน วัน ลาย ผู้จัดการบริษัทของโจทก์มีอำนาจร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งได้รับการร้องทุกข์ไว้แล้วปรากฏตามเอกสารหมาย จ.15 การที่นายตรัน วัน ลายมอบอำนาจให้นายประพันธ์ เอี่ยมนิรัตน์ เจ้าหน้าที่ของบริษัทไปแจ้งความร้องทุกข์จึงชอบแล้ว คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3)และมาตรา 96 แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่เมืองไซ่ง่อนประเทศสาธารณรัฐเวียตนาม มีนายเหงียน ตัน ตรุง เป็นประธานกรรมการบริษัทบริษัทโจทก์มีสาขาที่ประเทศเขมร ไทย สิงค์โปร์ มาเลเซีย และ ลาว นายตรันวัน ลาย เป็นผู้จัดการเขตเฉพาะในประเทศไทย เขมร และลาว และเป็นผู้จัดการสำนักงานในประเทศไทย ประธานกรรมการบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายตรัน วัน ลาย ดังปรากฏหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.3 และคำแปลเอกสารหมาย จ.4 จำเลยเป็นลูกจ้างบริษัทโจทก์ทำหน้าที่พนักงานขายตั๋วโดยสารเครื่องบินเมื่อขายได้แล้วต้องส่งมอบเงินให้บริษัทโจทก์ ระหว่างวันที่ 9พฤศจิกายน 2516 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2516 จำเลยได้รับตั๋วโดยสารเครื่องบินไปจำหน่ายหลายคราวครั้นวันที่ 1 มีนาคม 2517 ได้ตรวจพบว่า จำเลยนำตั๋วโดยสารเครื่องบินไปจำหน่ายแล้วไม่ได้นำเงินค่าตั๋วส่งให้บริษัทโจทก์เป็นเงินทั้งสิ้น 34,380 บาท นายตรัน วัน ลาย ผู้จัดการบริษัทโจทก์ทราบเรื่องจึงทำหนังสือมอบอำนาจให้นายประพันธ์ เอี่ยมนิรัตน์สมุห์บัญชีบริษัทไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรัก เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2517 กล่าวหาว่า จำเลยยักยอก

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว หนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.3และคำแปลเอกสารหมาย จ.4 มีความดังนี้ “โดยหนังสือมอบอำนาจฉบับนี้ข้าพเจ้าประธานแอร์เวียตนาม บริษัทซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในสาธารณรัฐเวียตนาม มีสำนักงานจดทะเบียนอยู่เลขที่ 116 ได – โล เหงียน – หัว ไซ่ง่อน ขอมอบอำนาจให้ นายตรัน วัน ลาย ผู้จัดการเขตแอร์เวียตนามในกรุงเทพฯ ให้ดำเนินการปฏิบัติแทนข้าพเจ้าและในนามของบริษัทในเรื่องการสัมพันธ์ติดต่อรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่และบริษัทเอกชน สำนักงานหนังสือพิมพ์และสาธารณชนทั่วไป” ตามหนังสือมอบอำนาจนี้แสดงว่า นายตรัน วัน ลาย มีอำนาจร้องทุกข์ การที่นายตรัน วัน ลาย ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายประพันธ์ เอี่ยมนิรัตน์ ไปแจ้งความร้องทุกข์จึงชอบแล้ว คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 เพราะบริษัทโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2517 คำพิพากษาฎีกาที่ 610/2515 ที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share