คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2022/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ห้างหุ้นส่วนจำกัด น. และบริษัทอื่น ๆ ตกลงกับจำเลยจะไม่ประมูลสร้างทางแข่งกับจำเลย โดยจะแกล้งยื่นประมูลราคาให้สูงกว่าราคาที่จำเลยยื่นประมูล และจำเลยสัญญาจะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ ดังนี้ ข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เพราะมีการจำกัดราคาไม่ให้คนอื่นมาแข่งขันในราคาต่ำกว่าที่จำเลยยื่น เพื่อให้จำเลยเป็นผู้ได้รับประมูล กรมทางหลวงหลงเชื่อว่ามีการประมูลกันจริงและต้องจ่ายเงินไป เพราะจำเลยกับพวกหลอกลวงกระทำการโดยไม่สุจริต หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ร่วมกันบีบบังคับเอาเงินของรัฐโดยไม่สุจริต ย่อมทำให้รัฐเสียหาย เมื่อจำเลยจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด น. ตามข้อตกลงไม่ประมูลสร้างทางแข่งกันดังกล่าวหนี้ตามเช็คพิพาทจึงเกิดจากสัญญาอันมีวัตถุประสงค์เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากห้างหุ่นส่วนจำกัด น. โดยรู้ถึงมูลหนี้ดังกล่าวแล้วนำเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีอำนาจฟ้อง(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2519)
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารไทยพัฒนาจำกัด จำนวนเงิน30,000 บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย เช็คดังกล่าวธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยก็เพิกเฉย จึงขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างไว้ล่วงหน้าเนื่องจากมีการตกลงเกี่ยวกับการประมูลงานสร้างทางของกรมทางหลวง โดยจำเลยกับห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างและบริษัทอื่น ๆ อีก 2 – 3 บริษัทตกลงกันให้จำเลยเป็นผู้เข้าประมูล ส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างและบริษัทอื่นไม่เข้าประมูล หรือถ้าเข้าประมูลด้วย ก็ให้เสนอราคาก่อสร้างสูงกว่าที่จำเลยประมูล เพื่อให้จำเลยประมูลได้ และเป็นผู้รับสร้างทาง ในการนี้จำเลยต้องตอบแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้าง 200,000 บาท แต่ถ้ากรมทางหลวงตัดราคาค่าก่อสร้างต่ำลงไปจาก 9 แสนบาทเศษแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างจะขอรับค่าตอบแทนเพียง 110,000 บาท จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คล่วงหน้าให้จำนวน 7 ใบ เป็นเงิน 200,000 บาทก่อนเข้าประมูลผลการประมูล จำเลยประมูลได้ แต่กรมทางหลวงตัดราคาเหลือเพียง 8 ล้านบาทเศษห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างจึงมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเพียง 110,000 บาทและได้รับเงินจำนวนนี้ไปครบแล้ว ส่วนเงินที่เหลืออีก 90,000 บาทซึ่งจำเลยจ่ายเป็นเช็ครวม 3 ใบ สั่งจ่ายใบละ 30,000 บาทนั้น ห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างไม่คืนให้ และมีเจตนาไม่สุจริต นำเช็คพิพาทไปให้โจทก์เรียกเก็บเงินจากธนาคารโดยไม่มีสิทธิ เพราะไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โจทก์ทราบดีว่าเช็คพิพาทที่โจทก์รับโอนมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างนั้น เป็นเช็คไม่มีมูลหนี้ต่อกันเป็นการฉ้อฉล จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เช็คพิพาทมีมูลหนี้ ห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ ไม่เป็นการฉ้อฉล โจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค 30,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันชัดเจนว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดนิยมก่อสร้างและบริษัทอื่น ๆ กับจำเลย ตกลงกันไม่ประมูลสร้างทางแข่งกับจำเลยโดยแกล้งยื่นประมูลราคาให้สูงกว่าราคาที่ตกลงให้จำเลยยื่นประมูล เป็นการลวงกรมทางหลวงผู้ประกาศให้มีการประมูลว่ามีการประมูล เป็นการล่อให้เปรียบเทียบราคากัน ซึ่งความจริงมิได้มีการประมูลกันจริง เพราะมีการตกลงสมยอมกัน โดยจำเลยสัญญาจะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ ดังนี้ เห็นว่าตามธรรมดาเมื่อมีการประมูล บุคคลทั่วไปย่อมมีสิทธิเข้าประมูลได้ และมีการแข่งราคากันอย่างแท้จริง ผู้ประมูลไม่มีโอกาสที่จะรู้ว่าผู้ประมูลคนใดยื่นราคาเท่าใด แต่การประมูลรายนี้กรมทางหลวงผู้ประกาศให้มีการประมูลหลงเชื่อว่ามีการประมูลกันจริง และต้องจ่ายเงินไปเพราะจำเลยกับพวกหลอกลวงกระทำการโดยไม่สุจริต หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ร่วมกันบีบบังคับเอาเงินของรัฐโดยไม่สุจริตนั่นเอง ย่อมทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น หนี้ตามเช็คพิพาทจึงเกิดจากสัญญาอันมีวัตถุประสงค์เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 โจทก์ผู้รับโอนรู้ถึงมูลหนี้ดังกล่าว แล้วนำเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลยเช่นนี้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลแห่งคำพิพากษา

พิพากษายืน

Share