คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีแพ่งหรือคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความฝ่ายหนึ่งแล้ว คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะฎีกาคัดค้านว่าไม่ควรรับนั้นหาได้ไม่เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ประกอบด้วย มาตรา215 และในคดีแพ่งคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ได้รับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ในทางอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์และบุกรุกตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 324, 327 และเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งเป็นเงิน 8,000 บาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยคนละ 100 บาท ตามมาตรา 324, 59 และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 1,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์เฉพาะในทางแพ่ง

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยอุทธรณ์เกิน 15 วัน ขาดอายุอุทธรณ์แล้วจึงสั่งไม่รับอุทธรณ์

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยอุทธรณ์เฉพาะทางแพ่งภายใน 1 เดือนจึงยังไม่ขาดอายุความอุทธรณ์ จึงให้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ไว้พิจารณา

โจทก์ฎีกาขอให้ยกคำสั่งศาลอุทธรณ์

ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่ว่าในคดีแพ่งหรือคดีอาญา เมื่อศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความฝ่ายหนึ่งแล้วอีกฝ่ายหนึ่งจะฎีกาคัดค้านว่าไม่ควรรับนั้นหาได้ไม่ เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ประกอบด้วยมาตรา 215 นอกจากนี้อุทธรณ์ของจำเลยในทางแพ่ง เมื่อคำสั่งศาลอุทธรณ์สั่งรับไว้แล้ว ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236

จึงให้ยกฎีกาโจทก์เสีย

Share