แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ปรากฏว่าบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองที่ธนาคารตามเช็คถูกปิดแล้วตั้งแต่ก่อนเช็คตามฟ้องถึงกำหนด แสดงว่าธนาคารตามเช็คได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยทั้งสองแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 959 ข)(2)ประกอบมาตรา 989 โจทก์จึงมีสิทธิไล่เบี้ย เอาจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายได้โดยไม่จำต้องนำเช็คไปยื่นเพื่อให้ธนาคารใช้เงินเสียก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 และหุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ จำเลยที่ 2 ร่วมกันรับผิดชำระเงินตามเช็คที่จำเลยที่ 2 ลงชื่อและประทับตราของห้างฯจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายให้โจทก์รวม 10 ฉบับ พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 117,773 บาท
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,200 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 600 บาทแทนโจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้นำเช็คตามฟ้องไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คก่อนฟ้อง นั้น ข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังได้ว่าแม้โจทก์นำเช็คตามฟ้องไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็ค ธนาคารก็จะปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองที่ธนาคารตามเช็คถูกปิดแล้วตั้งแต่ก่อนเช็คตามฟ้องถึงกำหนด ตามเอกสารหมาย จ.16 แสดงว่า ธนาคารตามเช็คได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยทั้งสองแล้ว โจทก์จึงฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959, 989 ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกา 1,000 บาทแทนโจทก์”