คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดามารดาของฝ่ายชายยกที่นามือเปล่าให้แก่มารดาของฝ่ายหญิง แทนเงินค่าสินสอด โดยทำหนังสือสัญญากันเอง และได้ชี้เขตแบ่งแยกออกจากที่นาผืนใหญ่ของตน ทั้งมารดาของฝ่ายหญิงก็เข้าครอบครองที่นานั้นแล้ว ดังนี้ ถือได้ว่าสิทธิครอบครองที่นาส่วนนั้นตกได้แก่มารดาของฝ่ายหญิงแล้ว โดยไม่จำต้องไปจดทะเบียน
สิทธิของชายที่จะเรียกคืนสินสอดในกรณีที่การสมรสไม่สมบูรณ์เพราะขาดการจดทะเบียนนั้น จะต้องปรากฎว่าหญิงป็นฝ่ายผิด ไม่ยอมจดทะเบียนสมรส

ย่อยาว

ได้ความว่า นายบุญมา บุตรจำเลยได้ทำพิธีแต่งงานกับนางสาวบุญแต่ง บุตรโจทก์ ในวันแต่งงานจำเลยไม่มีเงินสินสอดไปให้โจทก์ตามที่ตกลงกันไว้เป็นเงิน ๘,๐๐๐ บาท จำเลยจึงได้ทำหนังสือโดยใช้แบบพิมพ์สัญญากู้ฉบับหนึ่งให้โจทก์ยึดถือไว้ มีข้อความกล่าวถึงจำนวนเงิน ๘,๐๐๐ บาท และนำเอาที่ดิน ๑๐ ไร่มาแทนเงิน ๘,๐๐๐ บาท ตอนท้ายระบุว่าจะไม่ได้อยู่กินกับนางสาวบุญแต่งที่เรือนโจทก์ได้ราว ๒ เดือน ก็กลับไปอยู่ที่บ้านจำเลย นายบุญมากับนางสาวบุญแต่งมิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ต่อมานายบุญมาถูกคนร้ายแทงตาย โจทก์เข้าไถหว่านในที่พิพาทเนื้อที่ ๑๑ ไร่นั้น ต่อมาจำเลยเข้าไถหว่านทับ โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง และให้ใช้ค่าเสียหายในการไม่ได้ทำนา ๒,๔๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่านาพิพาทได้สิทธิครอบครองเป็นของโจทก์แล้ว ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง กับให้ใช้ค่าเสียหาย ๑,๔๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นที่นามือเปล่า เมื่อจำเลยสละสิทธิครอบครองให้โจทก์ ทั้งได้นำชี้แจงแบ่งแยกจากที่นาผืนใหญ่ของจำเลย และโจทก์ก็ได้ครอบครองไถหว่านในที่พิพาทแล้ว จึงถือได้ว่าสิทธิครอบครองที่พิพาทตกได้แก่โจทก์แล้ว โดยไม่จำต้องไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
การที่ไม่มีการจดทะเบียนสมรสนั้น ฟังได้ว่าเป็นเรื่องที่บุตรชายของจำเลยเองไม่ยอมไปจดทะเบียน หาใช่เป็นความผิดของบุตรสาวโจทก์ไม่ สิทธิของชายที่จะเรียกคืนสินสอดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๔๖๓ ในกรณีที่การสมรสไม่สมบูรณ์เพราะขาดการจดทะเบียนนั้น ต้องปรากฎว่าหญิงเป็นฝ่ายผิดไม่ยอมจดทะเบียนสมรส ตามนัยฎีกาที่ ๖๕๙/๒๔๘๗ (ที่จำเลยฎีกาว่านายบุญมากับนางสาวบุญแต่งยังมิได้เป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิได้ที่พิพาทไว้เป็นกรรมสิทธิ์นั้น จึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนค่าเสียหายโจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้อง จึงพิพากษายืน

Share