คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1490/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินมีโฉนด โจทก์เป็นเพียงผู้ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของที่ดิน ฉะนั้น เมื่อจำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของที่พิพาทตาม ป.พ.พ.มาตรา 1308 ด้วย และมีอำนาจฟ้องแย้งให้ขับไล่โจทก์และบริวารออกจากที่พิพาทได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อประมาณ 40 ปีมาแล้วนางเล็ก ทับทิมทอง มารดาโจทก์ได้แผ้วถางที่ดินรกร้างว่างเปล่าหมู่ที่ 2 ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ปลูกต้นจากขายเป็นเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา ที่ดินดังกล่าวมีอาณาเขตทิศเหนือติดที่ดินของนางมานพ สุดจันทร์ ทิศใต้ติดที่ดินของนางปราณีต ทิศตะวันตกจดแม่น้ำบางปะกง และทิศตะวันออกติดที่ดินโฉนดเลขที่ 1586 ของนางสอิ้ง ซึ่งต่อมานางสอิ้งยกให้แก่นางประนอม ด้วงผึ้ง บุตรสาว ในปี 2505 นางประนอมขายที่ดินนั้นให้จำเลยทั้งสามเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2529 นางเล็กยกที่ดินของนางเล็กให้โจทก์เมื่อประมาณ 12 ปีมาแล้ว โจทก์ได้ยึดถือครอบครองเป็นเจ้าของตัดจากขายมีรายได้เดือนละ 1,000 บาท ตลอดมาโดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งขัดขวาง ต่อมาวันที่ 23 มีนาคม 2529 จำเลยห้ามโจทก์ไม่ให้ตัดจากในที่ดินของโจทก์และสมคบกับนายสมาน ด้วงผึ้งสามีของนางประนอมนำความเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนอำเภอบางปะกง (ที่ถูกคือสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางปะกง) เมื่อวันที่ 5เมษายน 2529 ว่า นางสอิ้งมารดานางประนอมได้แบ่งที่ดินของนางสอิ้งให้นางเล็ก ทำจากมาตลอด แต่เมื่อบอกขายที่ดินแก่นางเล็กนางเล็กไม่ยอมซื้อ นางประนอมจึงขายให้จำเลยแล้วบอกให้โจทก์ออกจากที่ดินไป ต่อมาวันที่ 5 มิถุนายน 2529 จำเลยเอาหลักไม้มาปักในเขตที่ดินของโจทก์ และว่าจะออก น.ส.3 เป็นของจำเลยเป็นการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายขาดรายได้จากการตัดจากขายเดือนละ 1,000 บาทรวม 2 เดือน เป็นเงิน 2,000 บาท ขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนหลักไม้4 หลักออกไปจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนได้เองและห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกต่อไป กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 2,000บาทแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งจากที่ดินโฉนดเลขที่ 1586 ของนางสอิ้ง ประจง มีสภาพเป็นป่าชายเลน นางเล็ก ทับทิมทอง มารดาโจทก์และโจทก์กับบริวารเช่าที่ดินดังกล่าวจากนางสอิ้งทำสวนจากและไม้ฟืน ต่อมานางสอิ้งยกที่ดินโฉนดเลขที่ 1586 และที่งอกริมตลิ่งทั้งหมดให้แก่นางประนอมด้วงผึ้ง ซึ่งเป็นบุตรเมื่อปี 2505 หลังจากนั้นนางเล็กและโจทก์ได้เช่าที่ดินดังกล่าวจากนางประนอมตลอดมา ต่อมาจำเลยทั้งสามร่วมกันซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 1586 พร้อมที่งอกริมตลิ่งที่พิพาทจากนางประนอมเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2529 จำเลยทั้งสามจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทจำเลยทั้งสามไม่ประสงค์ให้โจทก์และบริวารอยู่ในที่พิพาทอีกต่อไป และได้แจ้งให้โจทก์และบริวารออกไปจากที่พิพาทแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้เป็นการละเมิดสิทธิของจำเลยทั้งสาม ขอให้ยกฟ้องของโจทก์และขับไล่โจทก์และบริวารออกจากที่ดินพิพาทกับห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องอีกต่อไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่ามารดาโจทก์และโจทก์ได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของต่อเนื่องกันตลอดมา ไม่เคยเช่าจากนางสอิ้งหรือผู้ใด ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสาม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องของโจทก์ ขับไล่โจทก์และบริวารออกจากที่ดินแปลงพิพาทอันเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1586ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ของจำเลยทั้งสามห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกต่อไป
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 1586 ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.1โดยจำเลยทั้งสามซื้อที่ดินดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2529 จากนางประนอม ด้วงผึ้ง ซึ่งได้รับการยกให้ที่ดินนั้นจากนางสอิ้งประจง มารดานางประนอมตั้งแต่ปี 2505 ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1586 นางเล็ก ทับทิมทอง มารดาโจทก์และโจทก์เช่าที่ดินตามสำเนาโฉนดที่ดิน เอกสารหมาย จ.1 รวมทั้งที่พิพาทและครอบครองที่ดินดังกล่าวแทนเจ้าของที่ดินตามเอกสารหมาย จ.1…ที่โจทก์ฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1372 (ที่ถูกน่าจะเป็นมาตรา 1382) เมื่อจำเลยซื้อที่ดินตามเอกสารหมาย จ.1 จึงหาได้ติดที่ดินของโจทก์ไปด้วยไม่ จำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้องแย้งนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติดังกล่าวข้างต้นว่า ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1586 และโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของที่ดินตามเอกสารหมาย จ.1 จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่1586 จึงเป็นเจ้าของที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1308 และมีอำนาจฟ้องแย้งให้ขับไล่โจทก์และบริวารออกจากที่พิพาทได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share