คำสั่งคำร้องที่ 2202/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา และฎีกาของจำเลยมีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 178)
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน จำนวน 5,786,417.91 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2525จนถึง วันที่ 4 มีนาคม 2529 และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของ ต้นเงินจำนวนเดียวกันนับตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2529เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้นำเงินที่จำเลยเข้าบัญชี หลังจากวันที่ 1 ตุลาคม 2525 ไปหักออกด้วย หากจำเลยไม่ชำระ ให้ยึดทรัพย์ที่จำนองออกขายทอดตลาด หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระหนี้ได้ ต่อมาจำเลยไม่ยอม ชำระหนี้ดังกล่าว โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดพิษณุโลก ไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา และศาลชั้นต้นได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการ ขายทรัพย์ของจำเลยในราคาที่ผิดไปจากราคาซื้อขายที่แท้จริง ทำให้จำเลยเสียหาย ขอศาลได้โปรดอนุญาตให้มีการไต่สวนคำร้อง ของจำเลยด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ ของกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง จึงไม่มีเหตุที่ต้องไต่สวนคำร้อง ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 173,174)
ชั้นอุทธรณ์ จำเลยขอทุเลาการบังคับ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งว่าศาลอุทธรณ์ภาค 2 ทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว จึงไม่จำต้องสั่งคำร้องนี้ (อันดับ 168)

คำสั่ง
กรณีไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับ แต่เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 พิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรให้งดการดำเนินการเกี่ยวกับ การขายทอดตลาดตามคำร้องของ ผู้ร้องไว้ในระหว่างฎีกา

Share