คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนและมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยมิได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้แบ่งบรรจุเฮโรอีน การที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าพยานโจทก์ไม่มีโอกาสมองเห็น การกระทำของจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แบ่งบรรจุเฮโรอีนและจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ 1 คงมีความผิดเพียงมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อเสพสถานเดียว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์และเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันผลิตเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท ๑ โดยการแบ่งบรรจะเฮโรอีนดังกล่าวจากหลอดบรรจุชนิดหลอดพลาสติกลงสู่หลอดดูดเครื่องดื่มตัดสั้นจำนวน ๓ หลอด หนัก ๐.๑๒ กรัม เพื่อจำหน่าย จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน ๕ หลอด หนัก ๐.๖๔ กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนจำนวน ๓ หลอด หนัก ๐.๑๒ กรัม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตและมีไว้เพื่อจำหน่าย ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕, ๗, ๘, ๑๕, ๖๕, ๖๖, ๖๗, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๙๒ ริบของกลางทั้งหมดเว้นแต่ธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อให้คืนเจ้าของ และเพิ่มโทษจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๓ ให้การปฏิเสธข้อหาผลิตเฮโรอีน แต่ให้การรับสารภาพข้อหามีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน กับรับว่าเคยต้องโทษจำคุกและพ้นโทษตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๕ วรรคแรก, ๖๖ วรรคแรก ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓, ๙๑, ๙๒ ความผิดฐานผลิตเฮโรอีนและฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวกันให้ลงโทษฐานผลิตซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกตลอดชีวิต กระทงหนึ่ง และฐานจำหน่าย จำคุกคนละ ๕ ปี อีกกระทงหนึ่ง เมื่อลงโทษจำเลยที่ ๓ จำคุกตลอดชีวิตแล้วเพิ่มโทษไม่ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๑ คำให้การของจำเลยทั้งสามในชั้นสอบสวน และคำให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาของจำเลยที่ ๓ ในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ หนึ่งในสาม ลดโทษให้จำเลยที่ ๓ กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบด้วยมาตรา ๕๓ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ กระทงแรกคนละ ๓๓ ปี ๔ เดือน กระทงหลังคนละ ๓ ปี ๔ เดือน รวมเป็นคนละ ๓๖ ปี ๘ เดือน ส่วนจำเลยที่ ๓ ให้จำคุกกระทงแรก ๒๕ ปี กระทงหลัง ๒ ปี ๖ เดือน รวมเป็น ๒๗ ปี ๖ เดือน ริบของกลาง เว้นแต่ธนบัตร ๖๐ บาท ให้คืนเจ้าของ ยกคำขอเพิ่มโทษจำเลยที่ ๓
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ ๓ ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาต และให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๓
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนและมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนอันเป็นความผิด และลงโทษจำเลยทั้งสาม จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์เฉพาะข้อหาฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนว่า การที่จำเลยที่ ๓ แบ่งเฮโรอีนเทใส่ฝาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ นั้น ก็เพื่อให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ สามารถเสพยาเสพติดได้เท่านั้น มิได้มีเจตนาที่จะผลิตเฮโรอีน ทั้งปริมาณยาเสพติดมีน้ำหนักเพียง ๐.๖๔ กรัม ไม่ถึง ๒๐ กรัม ย่อมไม่อาจถือได้ว่าเป็นการแบ่งบรรจุโดยมีเจตนาที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายและการกระทำของจำเลยทั้งสามที่ได้แบ่งบรรจุเฮโรอีนลงในหลอดกาแฟก็เป็นการกระทำเพื่อสะดวกแก่การจำหน่ายเท่านั้น โดยจำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้แบ่งบรรจุเฮโรอีน ดังนั้น การที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า พยานของโจทก์ ๒ ปาก คือพลตำรวจอำพล พลอยเลิศล้อม กับจ่าสิบตำรวจโกวิท สุขสำราญ เบิกความแตกต่างขัดแย้งและหักล้างกันเองในเรื่องการเห็นสั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นคูน้ำยกร่องลึก ๑ เมตร กว้าง ๒ เมตร มีต้นกล้วยขึ้นปิดบังไม่ทั่วบริเวณ พยานโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีโอกาสมองเห็นการกระทำของจำเลยที่ ๑ พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ ๑ แบ่งบรรจุเฮโรอีนและจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ ๑ คงมีความผิดเพียงมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อเสพเพียงสถานเดียว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์และเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว ไม่มีเหตุที่จะรับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ ๑

Share