คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149-150/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 327 เป็นเรื่องยังอาจเข้าแย่งการคอบคอรงของผู้อื่น มิให้เขาอยู่ได้โดยปกติสุข ฉะนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเข้าครอบครองฟ้องหาว่าจำเลยเข้าครอบครองที่ซึ่งรัฐบาลหวงห้ามไว้เพื่อสาฦธารณะหระโยชน์ และขอให้ลงโทษตามมาตรา 327 คดีจึงไม่มีทางจะลงโทษจำเลยตามขอได้
ฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ระบุข้อเท็จจริงขึ้นคัดค้าน ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัยให้นั้น โจทก์จะฎีกาอ้างว่าที่โจทก์ไม่ระบุข้อเท็จจริงขึ้นคัดค้าน ก็เพราะศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยกล่าวย่อๆว่าสืบไม่สม โจทก์จึงกล่าวคัดค้านขึ้นมาอย่างลอยๆบ้างนั้น หาเป็นเหตุจะให้โจทก์ผ่านพ้นซึ่งข้อปฏิบัติตามกฎหมายบัญญัติบังคับไว้นั้นไม่

ย่อยาว

เนื้อเรื่องแห่งคดีมีอยู่ว่า นายคำผาโจทก์ได้ฟ้องนายน้อยกับพวกต่อศาลหาว่าบุกรุก เข้ามาทำบ่อเกลือในที่พิพาทซึ่งเป็นของนายคำผา ศาลพิพากษาให้นายคำผาชนะคดี ขับไล่นายน้อยกับพวก ต่อมามีคนอื่นบุกรุกเข้ามาอีก นายคำผาฟ้องศาล จนชนะคดีอีก ต่อมามีราษฎรมาร้องต่อนายอำเภอว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประโยชน์นายคำผาเข้าครอบครองเป็นเจ้าของเสียคนเดียว นายอำเภอจึงให้นายเสมาปลัดอำเภอ นายอาทิตย์เสมียนไปทำการสอบ คนทั้งสองจึงให้ผู้ใหญ่บ้านและราษฎรช่วยกันปักหลักเขตห้ามมิให้นายคำผากับพวกเข้าทำประโยชน์ในที่พิพาท นายคำผาฟ้องขอให้ลงโทษนายเสมากับพวกฐานบุกรุกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๒๗, ๓๒๘.
อัยการจังหวัดหนองคายจึงเป็นโจทก์ฟ้องนายคำผากับพวกหาว่าฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ และบุกรุกที่พิพาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี ๒ สำนวนนี้รวมกัน แล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑, ๓, ๔, ๖, ๗, ๘ ในคดีนายคำผาเป็นโจทก์นั้น ได้กระทำผิดจริง ตามมาตรา ๓๒๗, ๓๒๘ จำเลยนอกจากนี้และคดีอัยการเป็นโจทก์ ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวน
อัยการฎีกาในข้อกฎหมาย
นายคำผาฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ฎีกาของอัยการที่ว่า โจทก์ไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงในฟ้องอุทธรณ์ เพราะศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยกล่าวย่อ ๆ ว่าสืบไม่สม โจทก์จึงกล่าวคัดค้านในอุทธรณ์ขึ้นมาอย่างลอย ๆ บ้างนั้น หาเป็นเหตุจะให้โจทก์ผ่านพ้น ซึ่งข้อปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้นั้นไม่ ฎีกาข้อนี้ ฟังไม่ขึ้น
ฎีกาข้อผู้เสียหายร้องทุกข์แทนรัฐบาลนั้น กับปรากฏว่าโจทก์กล่าวในคำฟ้องว่า จำเลยเข้าครอบครองที่ซึ่งรัฐบาลห่วงห้ามไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ และโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๒๗ ซึ่งกฎหมายบทนี้เป็นเรื่องบังอาจเข้าแย่งการครอบครองของผู้อื่น มิให้เข้าได้อยู่โดยปกติสุข อันไม่ตรงกับกรณีนี้ ทั้งตามข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า จำเลยเข้าครอบครองตามคำชี้ขาดของศาล คดีไม่มีทางลงโทษจำเลยตามข้อได้
ส่วนฎีกาของนายคำผา ก.ได้ความว่า จำเลยที่ ๑ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอเป็นการทำในหน้าที่ราชการ และจำเลยที่ ๑ ได้เรียกผู้ใหญ่บ้านและราษฎรมาช่วยเหลือ จึงเป็นการกระทำตามคำสั่งที่ชอบ ศาลอุทธรณ์ ไม่เอาผิด ชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน

Share