คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมาสืบให้ฟังได้ตามฟ้องของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอให้ฟังได้ว่าจำเลยได้ขายที่ดินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง ฎีกาของโจทก์ที่ว่า นาย จ. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยไม่มีสิทธิที่จะเบิกความเป็นพยานให้จำเลย คำให้การของนาย จ.จึงรับฟังไม่ได้นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ร่วมกัน ต่อมาจำเลยขายที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์ และส่งมอบการครอบครองให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเรื่อยมา ต่อมาจำเลยกลับมาขออาศัยที่ดินทำกิน โจทก์ยินยอมให้จำเลยเข้าทำกินได้เป็นเวลา 1 ปี ครบกำหนดโจทก์บอกกล่าวให้ออกจากที่ดินแต่จำเลยไม่ยอมออกไป ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาท
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยถึงแก่กรรมนายจำลอง ศรีจรัญ บุตรจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ในคดีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมาสืบให้ฟังได้ตามฟ้องของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยได้ขายที่ดินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
ฎีกาของโจทก์ที่ว่า นาย จ. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยไม่มีสิทธิที่จะเบิกความเป็นพยานให้จำเลย คำให้การของนาย จ.จึงรับฟังไม่ได้นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share