แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ฎีกานี้เป็นฎีกาข้อเท็จจริง จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามคำให้การ ที่โจทก์ได้ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลย จะถือว่าโจทก์ยอมรับ ข้อเท็จจริงตามฟ้องแย้งนั้นแล้วหรือไม่ โปรดรับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยไปทำการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่โจทก์ให้เป็นไปตามเอกสารท้ายฟ้อง หมายเลข 3 จำเลยยื่นคำให้การและฟ้องแย้งขอให้แบ่งกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 2 และให้มีทางกว้าง 4 เมตร จากถนนสุขาภิบาล 2 ผ่านที่ดินของโจทก์เข้าถึงที่ดิน ของจำเลยทั้งทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก โจทก์ให้การ แก้ฟ้องแย้ง (อันดับ 1,11,14)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้แบ่งแยกที่ดินพิพาทตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3 ของโจทก์ และตามแผนที่พิพาทในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 443/2532 ของศาลจังหวัดจันทบุรี แต่ให้แบ่งแยกที่ดิน เป็นทางกว้าง 4 เมตร เข้าสู่ที่ดินของจำเลยตามฟ้องแย้ง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 59)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 60)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของโจทก์เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการที่รับฟัง ว่าคำให้การของโจทก์ไม่เป็นการ แก้คำฟ้องแย้งของจำเลย จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง