คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินพิพาทอยู่โดยยังไม่ได้โฉนด มีผู้อื่นไปจัดการออกโฉนดทับที่พิพาท โดยใส่ชื่อ ค. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่บุคคลที่ชื่อ ค.นี้ไม่มีตัวตนจริง การออกโฉนดนี้จึงเป็นการไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์รับจำนองที่พิพาทตามหน้าโฉนดที่มีชื่อ ค.ถือกรรมสิทธิ์นี้ไว้ โดยอ้างว่า ย.ญาติของตนเป็นผู้ติดต่อขอจำนองโจทก์ไม่รู้จักหรือเคยพบเห็นคนที่ชื่อ ค.นี้เลย ในวันทำสัญญาจำนองก็มี ว.ซึ่งโจทก์ไม่รู้จักมาอ้างว่าเป็นหลานของ ค. ได้รับมอบอำนาจจาก ค.ให้มาทำสัญญาจำนอง โจทก์ก็้เชื่อจึงรับจำนองและมอบเงินให้ ว.ไป แต่แล้วโจทก์ไม่มี ย.และ ว.มาสืบ และเมื่อโฉนดนี้ออกให้แก่ ค. ผู้ไม่มีตัวตนดังกล่าวแล้ว ใบมอบอำนาจนั้นก็ย่อมไม่มีผู้มอบเป็นตัวตนด้วยเช่นกัน ดังนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดที่พิพาทเพื่อบังคับจำนอง

ย่อยาว

เดิม ศาลพิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนการจำนองที่ดินโฉนดที่ ๕๙๗,๕๙๘,๕๙๙ และ ๖๐๐ จากโจทก์ หากไม่ไล่ก็ให้เอาออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยไม่ไถ่ โจทก์จึงนำยึดที่ดินโฉนดที่ ๕๙๙ กับ ๖๐๐ ซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และได้จำนองโจทก์ไว้ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ผู้ร้องเป็นตรัสดีผู้จัดการมรดก ม.ร.ว.สุวพรรณ สนิทวงศ์ ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ได้ครอบครองมาหลายสิบปี เจ้าพนักงานที่ดินได้ร่วมกับจำเลยและพวก ออกโฉนด ที่ ๕๙๗,๕๙๘,๕๙๙ และ ๖๐๐ ทับที่ของผู้ร้อง จึงเป็นโฉนดไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อได้โฉนดแล้วจำเลยใช้สิทธิไม่สุจริต ร่วมกับเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนการจำนองขึ้น สัญญาจำนองจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ถอนการยึด
โจทก์คัดค้านว่า ที่ที่นำยึดไม่ใช่ของผู้ร้อง เป็นของจำเลยโจทก์ รับจำนองไว้โดย สุจริตและมีค่าตอบแทน โฉนดที่ออกให้จำเลยชอบด้วยกฎหมาย และสัญญาจำนองก็ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนการยึดที่ดินรายพิพาท
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้ร้องทอดทิ้งการครอบครองจนนายดวงได้ไปขอออกโฉนดและได้รับมาเป็นหลักฐาน ต้องฟังว่าโฉนดรายนี้ชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้น เห็นว่า การที่โฉนดที่พิพาทมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์นั้น รับฟังเป็นหลักฐานในเบื้องต้นได้ว่าผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของที่พิพาทแต่ก็เป็นข้อสันนิษฐานที่นำสืบหักล้างได้ในเมื่ออีกฝ่ายมีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าโฉนดที่ออกมาในชื่อของบุคคลนั้น ๆ เป็นไปโดยมิชอบ ซึ่งในคดีนี้พยานผู้ร้องฟังได้ว่า ม.ร.ล.สุวพรรณ และทายาท ได้ครอบครองที่พิพาทมา ๔๐ กว่าปีแล้ว ม.ร.ว.สุวพรรณเคยไปขอออกโฉนด สำนักงานที่ดินก็ออกให้ แต่ไม่ได้ไปขอรับมา ต่อมาผู้จัดการดูแลผลประโยชน์กองมรดก ม.ร.ว.สุวพรรณไปขอรับโฉนด แต่ทางสำนักงานที่ดินให้รอไว้ก่อน ม.ร.ว.สุวพรรณ ตลอดจนทายาทได้ให้คนเช่าที่พิพาททำมาจนบัดนี้ บุคคลที่ชื่อนายดวง ปลื้มจิตร ไม่มีตัวจริง ดังนั้น ข้อที่โจทก์อ้างว่ากองมรดก ของ ม.ร.ว.สุวพรรณได้ทอดทิ้งที่พิพาทจนกระทั่งนายดวงแย่งการครอบครองไปจนขอออกโฉนดในนามของเขาไปได้แล้วนั้นจึงเลื่อนลอย ศาลฎีกาเชื่อว่าเป็นการออกโฉนดที่พิพาทให้แก่บุคคลที่ไม่มีตัวตน เป็นการไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่โจทก์รับจำนองที่พิพาทตามหน้าโฉนดซึ่งมีชื่อนายดวงเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์นั้น โจทก์ว่านายยอดญาติของโจทก์เป็นผู้ติดต่อขอจำนอง โจทก์ไม่เคยรู้จักนายดวง ไม่เคยพบเห็นคนชื่อนี้จนบัดนี้ ในวันทำสัญญาจำนองนายดวงก็ไม่ได้มาเอง โจทก์อ้างว่ามีนายเหวียนซึ่งโจทก์ไม่เคยรู้จักมาอ้างว่าเขาเป็นหลานนายดวง ได้รับมอบอำนาจจากนายดวงให้มาทำสัญญาจำนองกับโจทก์ โจทก์เชื่อว่าจริงจึงรับจำนองและมอบเงินให้นายเหวียนไป แต่โจทก์ก็ไม่มีนายยอดและนายเหวียนมาสืบ และดังที่ได้วินิจฉัยแล้วว่า โฉนดที่พิพาทออกให้แก่นายดวงผู้ไม่มีตัวตน ดังนั้น ใบมอบอำนาจให้จำนองก็ไม่มีผู้มอบอำนาจตามชื่อนี้เป็นตัวตนเช่นกัน การที่โจทก์รับจำนองไว้จึงฟังไม่ได้ว่ากระทำไปโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดที่พิพาท
พิพากษายืน

Share