คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นตัวจำเลยในที่เปลี่ยวโดยไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจหรือแสดงหลักฐานให้เห็นได้ว่าตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำการตามหน้าที่ ทั้งนี้ต่างฝ่ายไม่รู้จักกันมาก่อนจำเลยไม่มีทางรู้ได้ว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ เช่นนี้ แม้จำเลยจะได้ทำการต่อสู้ชกต่อยขัดขวางมิให้เจ้าพนักงานตำรวจค้นเอาเงินทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยไปก็ตาม จำเลยก็หามีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ดังฟ้องโจทก์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงสิบตำรวจเอกสันทัด เหมือนสังข์ โดยเจตนาฆ่า และเพื่อต่อสู้ขัดขวางมิให้เจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวจับกุมและตรวจค้นจำเลยกับพวก แต่กระสุนปืนพลาด ไม่ถูกส่วนสำคัญของร่างกาย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยซองปืนพกหนึ่งซองเป็นของกลาง จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานทำร้ายร่างกายสาหัสมาแล้ว พ้นโทษยังไม่เกิน 3 ปี กลับมากระทำผิดซ้ำในอนุมาตราเดียวกัน และทำความผิดครั้งก่อนเมื่ออายุเกิน 17 ปีแล้ว ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140, 288, 289, 93, 83, 80 และริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษจริง

ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยมีอาวุธปืนและใช้ยิงสิบตำรวจเอกสันทัด และสมคบกับพวกยิงต่อสู้เจ้าพนักงานโดยเจตนาจะฆ่า แต่เชื่อว่าจำเลยมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ให้จำคุก 8 เดือน ศาลไม่ได้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่า จึงเพิ่มโทษตามมาตรา 93 ไม่ได้ และเพิ่มตามมาตรา 92 ก็ไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายมาและประสงค์ให้เพิ่มโทษตามมาตรา 92 ซองปืนของกลางไม่ปรากฏว่าเป็นของใช้ในการกระทำผิด และไม่แน่ว่าเป็นของใคร จึงไม่ริบ จำเลยต้องขังมาพอกับโทษแล้วให้ปล่อยตัวไป ข้อหาอื่นยก

โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยกอดปล้ำชกต่อยกับสิบตำรวจเอกสันทัดก็โดยไม่รู้ว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่ปฏิบัติการตามหน้าที่ สิบตำรวจเอกสันทัดไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจใช้ถ้อยคำหยาบคายและใช้อำนาจเข้าค้นเงินในกระเป๋าเสื้อจำเลยไปอันเป็นกิริยาเหมือนโจร สิบตำรวจเอกสันทัดกล่าวหาจำเลยต่าง ๆ นา ๆ เป็นการปกปิดการกระทำผิดของตนที่ยิงจำเลยข้างหลัง การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามมาตรา 138 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ

ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ที่สิบตำรวจเอกสันทัดพยานโจทก์เข้าตรวจค้นตัวจำเลยในที่เปลี่ยวโดยไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจหรือแสดงหลักฐานให้เห็นได้ว่าตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำการตามหน้าที่ทั้งที่ต่างฝ่ายไม่รู้จักกันมาก่อน จำเลยไม่มีทางรู้ได้ว่าสิบตำรวจเอกสันทัดจะเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเช่นนี้ แม้จำเลยจะได้ทำการต่อสู้ชกต่อยขัดขวางไม่ให้สิบตำรวจเอกสันทัดค้นเอาเงินทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยไปก็ตาม จำเลยก็หามีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ดังฟ้องโจทก์ไม่

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share