คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดและให้รื้อถอนเสาและสายไฟฟ้าแรงสูงที่ติดตั้งและเดินสายผ่านที่ดินของโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา อ้างว่าเสาไฟฟ้าดังกล่าวกีดขวางอยู่ ทำให้ก่อสร้างโรงภาพยนตร์และอาคารพาณิชย์ในที่ดินนั้นไม่ได้ โจทก์เสียหายขาดรายได้ ขอให้สั่งจำเลยย้ายเสาและสายไฟจากที่เดิมเพื่อติดตั้งใหม่ในที่ของโจทก์ส่วนที่ไม่กีดขวางการก่อสร้าง คำขอดังกล่าวเท่ากับเป็นการขอห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดตามที่ฟ้อง ศาลควรจะต้องทำการไต่สวนและฟังข้อเท็จจริงว่ามีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าวหรือไม่ ไม่ชอบที่จะสั่งยกคำร้องขอโดยไม่ทำการไต่สวน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด และให้รื้อถอนเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งและเดิมผ่านที่ดินของโจทก์

ต่อมายื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา อ้างว่าโจทก์ทำสัญญากับผู้รับจ้างเหมาให้ก่อสร้างโรงภาพยนตร์และอาคารพาณิชย์ในที่ดินดังกล่าว แต่ก่อสร้างไม่ได้เพราะเสาไฟฟ้าดังกล่าวกีดขวางอยู่ ทำให้โจทก์เสียหายขาดรายได้จากการให้เช่าโรงภาพยนตร์และอาคารพาณิชย์ที่จะสร้างรวมทั้งต้องเสียดอกเบี้ยธนาคารด้วย ขอให้ศาลสั่งจำเลยรื้อถอนเสาและสายไฟฟ้าแรงสูงหรือให้ย้ายจากที่เดิมไปติดตั้งใหม่ในที่ของโจทก์ส่วนที่ไม่กีดขวางการก่อสร้าง

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้ว สั่งว่า โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเสาและสายไฟฟ้าและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายในกรณีนี้ให้โจทก์ด้วยไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งตามคำร้อง ให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอของโจทก์โดยยังมิได้ไต่สวนฟังข้อเท็จจริงก่อน เป็นการไม่ชอบ พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ได้ขอให้ย้ายเสาและสายไฟฟ้าแรงสูงจากที่เดิม เพื่อติดตั้งใหม่ในที่ดินส่วนอื่นของโจทก์ที่ไม่กีดขวางการก่อสร้างโรงภาพยนตร์และอาคารพาณิชย์ของโจทก์นั้น เท่ากับเป็นการขอห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไป ซึ่งการละเมิดตามที่ฟ้องแล้ว และข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่า หากมีคำสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าวแล้ว จะทำให้ฝ่ายจำเลยเดือดร้อนหรือได้รับความเสียหายหรือไม่เพียงใด และในทำนองเดียวกัน หากไม่ห้ามชั่วคราวดังกล่าว จะทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเสียหายมากน้อยเพียงใดอันจะเป็นข้อวินิจฉัยได้ว่าการที่โจทก์ขอห้ามชั่วคราวนั้น จะมีเหตุสมควรและมีเหตุเพียงพอที่จะสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าวหรือหาไม่ ฉะนั้น จึงเป็นการสมควรที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเสียก่อน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องและสั่งใหม่นั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว

พิพากษายืน

Share