แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย ของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ให้การต่อสู้ไว้แต่แรกศาลอุทธรณ์ ก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
เพลิงไหม้ห่างจากโกดังเก็บของของจำเลยประมาณ 30 เมตรขณะนั้นลมพัดแรงมาก คนงานในบริษัทและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกรมตำรวจได้ร่วมกันดับ แต่สุดความสามารถที่จะดับได้เพลิงได้ลามไหม้โกดังเก็บสินค้าของจำเลยโดยไม่มีใครอาจป้องกันได้และไม่ใช่ความผิดของจำเลย จึงเป็นเหตุสุดวิสัย (อ้างฎีกาที่ 882/2507)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับขนรองเท้าแตะ 9 หีบของโจทก์ไปส่งให้แก่ลูกค้า ลูกค้าได้รับรองเท้าแตะเพียง 5 หีบ ที่ไม่ได้รับจำเลยอ้างว่าโรงสินค้าจำเลยถูกไฟไหม้จำเลยรับว่าจะใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แต่แล้วจำเลยก็ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เกิดเพลิงไหม้ที่อื่นแล้วลามไหม้โรงสินค้าของจำเลยโดยไม่สามารถป้องกันได้ เป็นเหตุสุดวิสัยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าเพลิงไหม้โรงเก็บสินค้าของจำเลยเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิด ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง เพลิงไหม้โรงเก็บสินค้าของจำเลยเป็นเหตุสุดวิสัย พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าในคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของสินค้า ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย จำเลยไม่ได้ให้การสู้ไว้ ศาลอุทธรณ์ยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบนั้นอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะไม่ให้การต่อสู้ไว้แต่แรก ศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
ที่จำเลยแก้ฎีกาว่าโจทก์ไม่ใช่คู่สัญญาขนส่งกับจำเลยนั้นข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้ทำสัญญาขนส่งกับจำเลย และเห็นว่ารองเท้าแตะ 4 หีบของโจทก์ได้ถูกไฟไหม้จริง การที่เพลิงไหม้ห่างจากโกดังจำเลยประมาณ 30 เมตร ขณะเกิดเหตุลมพัดแรงมากคนงานในบริษัทจำเลยและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกรมตำรวจได้ร่วมกันดับ แต่สุดความสามารถที่จะดับได้ เพลิงได้ไหม้ลามโกดังเก็บสินค้าของจำเลยโดยไม่มีใครอาจป้องกันได้ และไม่ใช่ความผิดของจำเลย เป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยได้ถูกบริษัทอื่นฟ้องในมูลกรณีเดียวกันนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาว่าเป็นเหตุสุดวิสัยดังฎีกาที่ 882/2507 เช่นเดียวกัน ฎีกาอื่นไม่เป็นประเด็นสำคัญ ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์