คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายอำเภอตัดทางสาธารณะใหม่เข้าไปในที่ของโจทก์ นายอำเภอจึงเอาที่ดินถนนเก่าซึ่งราษฎรมิได้ใช้เดินแล้วนั้น ให้แก่โจทก์ด้วยปากเปล่าดังนี้ แม้การยกให้จะเป็นโมฆะเพราะเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินอย่างนี้อยู่ในความดูแลรักษาของนายอำเภอ เมื่อนายอำเภออนุญาตให้โจทก์เข้าใช้ที่นี้ได้ และโจทก์ก็ได้เข้าไปปลูกต้นผลไม้ลงไว้ตามที่ได้รับอนุญาตแล้ว ราษฎรคนอื่นก็ไม่มีสิทธิจะเข้าทำรั้วล้อมที่ดังกล่าวเอาเป็นของตนเสีย เมื่อทำลงโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องให้รื้อถอนขับไล่ออกไปจากที่ดังกล่าวแล้วนั้นได้

ย่อยาว

คดีนี้ ได้ความว่า ที่พิพาทที่โจทก์ฟ้องนี้ เดิมเป็นทางสาธาณะแต่เป็นทางไม่ตรง กรมการอำเภอจึงได้ตัดใหม่ เมื่อ ๘-๙ ปีมาแล้วถนนสายใหม่นี้ ผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ดังนั้นนายอำเภอจึงยกที่ถนนเก่าตอนพิพาทนี้ ซึ่งราษฎรมิได้ใช้เดินแล้วนั้นให้แก่โจทก์ แต่มิได้ทำหลักฐานอะไร โจทก์ได้เข้าไปครอบครองที่นั้น โดยได้ปลูกสัปปะรสและมะพร้าวต่อมาจำเลยได้มาทำรั้วล้อมเอาที่พิพาทเสีย โจทก์จึงฟ้องจำเลย ให้รื้อรั้วออกไปให้พ้นเขตที่ของโจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทไม่ใช่ที่ของโจทก์ หากเป็นที่สาธารณะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วออกไปให้พ้นที่พิพาท ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อที่พิพาทเป็นทางเดินสาธารณะซึ่งราษฎรเคยใช้ร่วมกันแล้ว ที่พิพาทนั้นก็เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา ๑๓๐๔ (๒) นายอำเภอจะเอาไปยกให้โจทก์ด้วยปากเปล่าไม่ได้เป็นโมฆะ แต่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินอย่างนี้อยู่ในความดูแลรักษาของอำเภอ เมื่อนายอำเภออนุญาตให้โจทก์เข้าใช้ที่นี้ได้ และโจทก์ก็ได้เข้าไปปลูกต้นมะพร้าวและสัปปะรสไว้ตามที่ได้รับอนุญาต จำเลยก็ไม่มีสิทธิอะไรดีกว่าโจทก์ ฉะนั้นจำเลยจะมาทำรั้วล้อมที่พิพาทเอาเป็นของตนเสียไม่ได้ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับให้จำเลยรื้อรั้วออกไปจากที่พิพาท ฯลฯ

Share