แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจำเลยฐานละเมิดโดยอ้างว่าจำเลยให้คนไปแจ้งความว่าโจทก์ทำผิดทางอาญาเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนจับกุมคุมขังโจทก์ไว้สอบสวน ทั้งนี้โดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่เชื่อถ้อยคำของผู้มาบอก ดังนี้ เป็นการฟ้องหาว่าละเมิดตามธรรมดา ไม่ใช่ละเมิดในมูลอันเป็นความผิดทางอาญา จึงมีอายุความฟ้องร้องเพียง 1 ปี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานโรงงานยาสูบจำเลยที่ ๑ ได้ทำหนังสือมอบฉันทะให้คนไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษโจทก์กับคนอื่น เป็นความอาญาว่าโจทก์กับพวกรู้เห็นร่วมมือกระทำการฉ้อโกงทรัพย์ของโรงงานยาสูบ ฯลฯ เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนได้จับคุมขังโจทก์ไว้ทำการสอบสวน ทั้งนี้เพราะเหตุจำเลยที่ ๑ ประมาทเลินเล่อโดยเชื่อถ้อยคำของจำเลยที่ ๒ ซึ่งปราถนาจะแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษโดยปราศจากความจริง จึงขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ฯลฯ
ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความละเมิด ๑ ปี แล้ว จึงพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเฉพาะจำเลยที่ ๒ ส่วนจำเลยที่ ๑ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยที่ ๑ ได้จัดการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนได้จับกุมคุมขังโจทก์นั้น จะถือว่าเป็นข้อความที่กล่าวหาว่าจำเลยที่ ๑ ได้กระทำผิดในทางอาญาฐานกระทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพมิได้ เพราะเป็นเรื่องในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ฉะนั้นจะถือว่าฟ้องโจทก์เรียกค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามิได้จึงมิเข้าอยู่ในวรรคสองแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๔๘
คดีจึงขาดอายุความ ๑ ปี พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ ด้วย ฯลฯ