คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ในลำรางสาธารณะเรือเดินได้นั้น ย่อมเป็นทางน้ำอันราษฎรใช้ร่วมกันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน แม้ผู้ใดจะเคยเข้าไปทำนาในลำรางนั้นมาก่อน ผู้นั้นก็หามีสิทธิครอบครองอันชอบด้วยกฎหมายไม่ จะขอให้ศาลแสดงว่าที่นั้นเป็นของผู้นั้นไม่ได้ และเมื่อมีราษฎรอื่นมาทำนาในที่นั้นบ้าง ผู้ที่เคยทำนาอยู่ก่อนจะหาว่าผู้เข้าทำใหม่ละเมิดก็ไม่ได้ เพราะผู้เข้าทำใหม่หาได้ทำละเมิดต่อข้าวที่คนเดิมทำไว้ก่อนแล้วไม่ และเมื่อปรากฎว่าผู้เข้าทำใหม่มีที่นามีโฉนดอยู่ติดต่อกับที่สาธารณะนี้ ส่วนผู้เคยทำคนเดิมหามีนาอยู่แถวนั้นไม่ ดังนี้ ผู้เคยทำนามาเดิม ย่อมไม่มีสิทธิอะไรจะมาฟ้องขับไล่ ผู้เข้าทำใหม่นั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทมา ๑๐ ปีแล้ว จำเลยบุกรุกเข้ามาไถหว่านข้าว ฯลฯ จึงขอให้ขับไล่ ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประโยชน์ จำเลยครอบครองมา ๒๐ ปีแล้ว ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าที่พิพาทตอนในลำรางลูกบัว เป็นที่ในสิทธิครอบครองของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ฯลฯ
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อที่พิพาทเป็นที่ในลำรางสาธารณะ เรือเดิมได้ก็เป็นทางน้ำอันราษฎรใช้ร่วมกันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะเคยเข้าไปทำนาในลำรางมาก่อน โจทก์ก็หามีสิทธิครอบครองอันชอบด้วยกฎหมายไม่ จะขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ได้ และปรากฎว่าที่ในลำรางทั้งด้านเหนือและด้านตะวันออกที่โจทก์เข้าทำนานี้อยู่ติดต่อกับที่นาของจำเลยที่มีโฉนดแล้ว ส่วนโจทก์เองหาได้มีนาอยู่แถวนั้นไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิอะไรจะฟ้องขับไล่จำเลยได้ ที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายว่าจำเลยเข้ามาไถหว่านข้าวลงในที่โจทก์ ก็หาใช่ว่าจำเลยทำละเมิดต่อข้าวที่โจทก์ทำไว้ก่อนแล้วไม่ โจทก์จึงไม่มีอะไรจะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
ฉะนั้นจึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share