คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงครามนั้น กฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกันฉะนั้น การที่จำเลยมีอาวุธปืนกลและลูกระเบิดไว้ในครอบครองในขณะเดียวกันจึงเป็นความผิดแต่กรรมเดียว ส่วนความผิดฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะนั้น แม้ว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาไปจะเป็นปืนกลก็ดี ปืนพกก็ดี ถ้าพาปืนเหล่านั้นไปในขณะเดียวกัน ก็ย่อมเป็นความผิดกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยได้ถูกลงโทษในการกระทำฐานมีอาวุธซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม และในการกระทำฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะเสร็จเด็ดขาดไปแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษในคดีนี้ซ้ำอีก แม้จำเลยจะไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185,215,225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนกล 1 กระบอกพร้อมด้วยกระสุนโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กฎกระทรวงมหาดไทยคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 และให้ริบของกลางกับให้นับโทษต่อจากคดีแดงที่ 523/2520ของศาลจังหวัดเพชรบุรี

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยในคดีอาญาแดงที่ 523/2520 ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว จำเลยน่าจะถูกลงโทษเพียงครั้งเดียว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าความผิดที่ฟ้องคดีนี้เป็นความผิดฐานเดียวกับความผิดในคดีอาญาแดงที่ 523/2520 ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยคดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีนี้มาฟ้องจึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ของกลางริบ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามคดีแดงที่ 523/2520 นั้น โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีลูกระเบิดสำหรับใช้ในการสงครามและปืนพกพร้อมกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยมีปืนกลมือ ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ในการสงครามพร้อมกระสุน ซึ่งเป็นอาวุธต่างชนิดกัน จึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน สิทธิฟ้องคดีนี้ของโจทก์จึงไม่ระงับไป พิพากษากลับ ลดโทษแล้วคงลงโทษจำคุกจำเลย1 ปี 9 เดือน ของกลางริบ

โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีแดงที่ 523/2520

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า วันที่ 2 มีนาคม 2520 จำเลยถูกจับขณะถืออาวุธปืนกล ส่วนพวกจำเลยมีลูกระเบิดมือ 1 ลูก และปืนพกลูกโม่อีก1 กระบอกพร้อมกระสุน จำเลยรับว่าของทั้งหมดเป็นของจำเลย ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยกับพวก ขอให้ลงโทษฐานร่วมกันมีลูกระเบิดมือที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม มีปืนพกพร้อมกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในทางสาธารณะรวม 3 กระทง คงมีจำเลยให้การรับสารภาพเพียงคนเดียว จึงมีการแยกพวกของจำเลยไปฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง ส่วนจำเลยศาลให้ลงโทษมีลูกระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ฐานมีปืนพกเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานพกพาไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ลดแล้วจำคุก 2 ปี ของกลางริบตามคดีหมายเลขแดงที่ 523/2520 ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ กับขอให้นับโทษต่อกับโทษในคดีแดงที่ 523/2520

ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงครามนั้น กฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกันฉะนั้นการที่จำเลยมีอาวุธปืนกลและลูกระเบิดไว้ในครอบครองในขณะเดียวกันจึงเป็นความผิดแต่กรรมเดียว ส่วนความผิดฐานพกพาอาวุธไปในทางสาธารณะนั้น แม้ว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาไปจะเป็นปืนกลก็ดี ปืนพกก็ดีถ้าพาปืนเหล่านั้นไปในขณะเดียวกัน ก็ย่อมเป็นความผิดกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยได้ถูกลงโทษในการกระทำฐานมีอาวุธซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงครามและในการกระทำฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะเสร็จเด็ดขาดไปแล้วตามคดีแดง 523/2520 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษในคดีนี้ซ้ำอีกแม้จำเลยจะไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185, 215, 225

พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ของกลางริบ

Share