คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1469/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยตกลงซื้อขายที่ดินและตึกแถวกันในราคา ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่ได้ทำสัญญาซื้อขายโดยระบุในสัญญาโอนว่าซื้อขายกันในราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้รับชำระราคาที่ดินและตึกแถว ไปครบถ้วนตามราคาที่ซื้อขายกันจริงแล้วเช่นนี้ จำเลยจะกลับมาฎีกา ว่า สัญญาซื้อขายโจทก์แจ้งราคาเพียง ๓๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อหลีกเลี่ยง ค่าธรรมเนียมและค่าภาษี จึงเป็นนิติกรรมที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ของประชาชนตกเป็นโมฆะหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจาก ที่ดินและตึกแถวของโจทก์ และชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่ดินและตึกแถวเป็นของจำเลย จำเลยทำสัญญาขาย ให้โจทก์เป็นการอำพรางการยืม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้โอนขายที่ดินและตึกแถว พิพาทแก่โจทก์ในราคา ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่ทำสัญญาซื้อขายและ จดทะเบียนโดยระบุในสัญญาโอนว่าซื้อขายกันในราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยได้รับชำระราคาตามที่ซื้อขายกันจริงครบถ้วนแล้ว แล้ววินิจฉัย ข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๒ โจทก์แจ้งราคาเพียง ๓๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม และค่าภาษี จึงเป็นนิติกรรมที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะนั้น เห็นว่า จำเลยได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายที่ดินและ ตึกแถวพิพาทกับโจทก์โดยสมัครใจ ทั้งได้รับชำระราคาที่ดินและ ตึกแถวพิพาทไปครบถ้วนแล้วตามราคาที่ซื้อขายกันจริงเช่นนี้ จำเลยจะกลับมาโต้เถียงว่าสัญญาซื้อขายดังกล่าวตกเป็นโมฆะหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share