แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกันตนประสบอันตรายอันมิใช่เนื่องจากการทำงานโดยถูกบุคคลอื่นทำละเมิดขับรถยนต์ด้วยความประมาทเลินเล่อชนได้รับบาดเจ็บโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนจากกองทุนประกันสังคมตามพระราชบัญญัติประกันสังคมพ.ศ.2533และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดอีกด้วย การที่โจทก์และมารดาโจทก์ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ไม่ใช้สิทธิประกันสังคมกับโรงพยาบาลที่สำนักงานประกันสังคมทำความตกลงไว้แต่จะเลือกใช้สิทธิให้ผู้ทำละเมิดต่อโจทก์เป็นผู้ออกค่ารักษาพยาบาลซึ่งมีมาตรฐานการรักษาพยาบาลสูงกว่าสิทธิที่จะได้รับจากการประกันสังคมนั้นไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนข้อตกลงตามหนังสือดังกล่าวมีผลผูกพันโจทก์เมื่อโจทก์ได้รับเงินค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดและนำไปชำระเป็นค่ารักษาพยาบาลแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์จากกองทุนประกันสังคมซ้ำอีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันไม่ใช่เนื่องจากการทำงานโจทก์ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชนได้รับบาดเจ็บ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของจำเลยที่ 2 เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ได้ให้โจทก์และมารดาโจทก์ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ไม่ใช้สิทธิประกันสังคมไว้ ซึ่งขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ หลังจากโจทก์จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แก่โรงพยาบาลของจำเลยที่ 2 แล้ว โจทก์ได้ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรปราการของจำเลยที่ 1 แต่ได้รับการปฏิเสธ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งแล้ว แต่คณะกรรมการอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว กับให้จำเลยที่ 2 จ่ายค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์ได้จ่ายไปดังกล่าว หรือให้จำเลยที่ 1 สั่งให้จำเลยที่ 2 คืนเงินดังกล่าวนั้นแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ผู้กระทำละเมิดโจทก์ได้ทำหนังสือยินยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนโจทก์ และโจทก์ทำหนังสือไม่ใช้สิทธิประกันสังคมแล้ว ซึ่งไม่เป็นโมฆะ ทั้งผู้กระทำละเมิดได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลกับค่าเสียหายแก่โจทก์แล้วครบถ้วน คำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลาง พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์ ต่อ ศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิของประกันสังคม โจทก์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น การที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกรุงเทพของจำเลยที่ 2 นำแบบพิมพ์หนังสือมาให้โจทก์ลงลายมือชื่อไม่ใช้สิทธิตามกฎหมายประกันสังคมหนังสือข้อตกลงยกเว้นไม่ใช้สิทธิตามกฎหมายประกันสังคมดังกล่าวถือเป็นการตกลงยกเว้นไม่ใช้สิทธิอันพึงมีตามกฎหมายประกันสังคมซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อตกลงเป็นโมฆะ อีกทั้งการที่ผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์จ่ายเงินจำนวน 140,000 บาท ให้แก่โจทก์นั้น เป็นกรณีที่โจทก์มีสิทธิได้รับจากผู้ที่กระทำละเมิดให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นสิทธิตามกฎหมายอื่นอีกส่วนหนึ่ง การที่โจทก์ได้รับสิทธิตามกฎหมายประกันสังคมจึงไม่เป็นการตัดสิทธิที่โจทก์จะได้รับตามกฎหมายอื่นนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์ผู้ประกันตนประสบอันตรายถูกรถยนต์ชนะได้รับบาดเจ็บอันมิใช่เนื่องจากการทำงานแต่เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของบุคคลอื่น โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนจากกองทุนตามพระราชบัญญัติประกันสังคมพ.ศ. 2533 มาตรา 54 และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากบุคคลอื่นฐานทำละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 อีกด้วยกรณีคดีนี้เป็นการฉุกเฉิน โจทก์ได้รับบริการทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ซึ่งมิใช่สถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริการทางการแพทย์และการรักษาพยาบาลที่โจทก์ทดรองจ่ายไปก่อน ต่อมามีการส่งตัวโจทก์ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพของจำเลยที่ 2 ซึ่งสำนักงานประกันสังคมทำความตกลงไว้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ โรงพยาบาลกรุงเทพจะเรียกเก็บเงินจากสำนักงานประกันสังคมโดยตรง แต่โจทก์กับนางหนูเพียง วิเศษวงค์ษา มารดาโจทก์ได้ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ไม่ใช้สิทธิประกันสังคมกับโรงพยาบาลกรุงเทพตามเอกสารหมาย ล.1มีปัญหาว่า การที่โจทก์ทำหนังสือไม่ใช้สิทธิประกันสังคมยกเว้นการใช้สิทธิตามกฎหมายดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ เห็นว่า ถ้าโจทก์ใช้สิทธิตามบัตรประกันสังคมตามมาตรฐานของสำนักงานประกันสังคมที่จำเลยที่ 1ตกลงไว้กับโรงพยาบาลกล่าวคือ โรงพยาบาลจะดูแลรักษาเหมือนกับคนไข้ธรรมดาทั่วไป ก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแต่ถ้าไม่ใช้สิทธิประกันสังคมเพราะมีบุคคลอื่นเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงกว่าสิทธิที่จะได้รับตามกฎหมายประกันสังคมการรักษาพยาบาลก็มีมาตรฐานดีกว่าของประกันสังคม เมื่อโจทก์และมารดาโจทก์สมัครใจที่จะใช้สิทธิให้ผู้ทำละเมิดต่อโจทก์เป็นผู้ออกค่ารักษาพยาบาลซึ่งจะได้รับการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานสูงกว่าสิทธิที่จะได้รับ การใช้สิทธิของโจทก์ผู้ประกันตนโดยเลือกให้ผู้ทำละเมิดเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ข้อตกลงดังกล่าวก่อผลผูกพันกันได้ตามความสมัครใจ จะได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไรก็เป็นการรับรองเจตนาของโจทก์ เมื่อโจทก์สมัครใจสละสิทธิการใช้สิทธิของตนที่มีอยู่ตามกฎหมายย่อมกระทำได้ หาขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่ประการใดไม่ ข้อตกลงดังกล่าวจึงมีผลผูกพันโจทก์ เมื่อโจทก์ได้รับเงินจำนวน 140,000 บาท จากผู้ทำละเมิดต่อโจทก์แล้วนำไปชำระค่ารักษาพยาบาลให้จำเลยที่ 2เสียบางส่วน โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ซ้ำอีก
พิพากษายืน