คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ตกอยู่ในที่ล้อม ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349
โจทก์ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้อื่นโดยเป็นเพียงผู้อาศัย (แม้จะอ้างว่าโจทก์ต้องใช้ทางเดินสายที่ผ่านเข้าไปในที่ดินของจำเลยมาราว 50 ปีแล้ว) แต่โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นสามายทรัพย์ จะมาฟ้องขอให้เปิดทางซึ่งเป็นภารจำยอมเองไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านเรือนตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินบุคคลอื่น ไม่มีทางออกโจทก์ได้อาศัยเดินเส้นทางที่ผ่านเข้าไปในที่ดินของจำเลยเพื่อลงสู่แม่น้ำและไปนา โจทก์และคนทั่วไปใช้ทางสายนี้มา ๕๐ ปีแล้ว จำเลยปิดกั้นทางขอให้บังคับให้จำเลยเปิด
จำเลยให้การว่าโจทก์อาศัยที่ดินของนายกิ๊ม ปลูกเรือนอยู่ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ที่ดินที่โจทก์ฟ้องมิได้ตกอยู่ในที่ล้อมไม่มีทางสาธารณหรือทางเดินอื่นใดผ่านที่จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้การต่อสู้ด้วยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ทางพิจารณาได้ความว่า ที่ดินที่โจทก์ปลูกเรือนอยู่เป็นของนายกิ๊ม โจทก์เป็นเพียงผู้อาศัย เมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ตกอยู่ในที่ล้อม จึงไม่มีสิทธิที่จะบังคับใช้สิทธิที่จะฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาริชย์มาตรา ๑๓๔๙ ได้ และทางเดินนี้หากจะมีและตกอยู่ในภารจำยอม เพื่อประโยชน์ของที่ดินแปลงที่โจทก์ปลูกบ้านอยู่จริง แต่โจทก์ไม่ใช่เจ้าของสามายทรัพย์ จะมาฟ้องขอให้เปิดทางไม่ได้เช่นกัน เพราะการจำยอมในเรื่องทางเดินเป็นทรัพย์สิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์ พิพากษายืน

Share