คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์อย่างคนอนาถา และสั่งว่าหากจำเลยทั้งสอง ยังติดใจอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ มาชำระต่อศาลชั้นต้นใน 10 วัน จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยาย ระยะเวลาการชำระเงินออกไปอีก 15 วัน แต่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต ให้ขยายระยะเวลาไปเพียง 7 วัน อันเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้น ใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่สั่งขยายระยะเวลาการชำระเงินให้จำเลย ทั้งสองเพื่อประโยชน์แก่ความยุติธรรม จำเลยทั้งสองจึงยื่นอุทธรณ์ คัดค้านคำสั่งดังกล่าว ซึ่งย่อมมีสิทธิจะทำได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 และเมื่อศาลชั้นต้น สั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยทั้งสองก็มีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ต่อศาลอุทธรณ์ได้ตาม มาตรา 234 โดย ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง มาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล แม้อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอขยายระยะ เวลาการชำระเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ก็ตาม แต่ก็เป็นยื่นอุทธรณ์ ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว และเมื่อ มีการอุทธรณ์ย่อมทำให้การบังคับคดีต้องล่าช้าไป อาจเสียหาย แก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยทั้ง สองจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ของกฎหมายดังกล่าวสำหรับในกรณีเช่นนี้ด้วย.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จำนวน 101,875 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7ครึ่งต่อปีในต้นเงิน 100,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยทั้งสองชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ2,500 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์มาชำระภายใน 7 วันจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง และสั่งว่าหากจำเลยทั้งสองยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการชำระเงินต่อศาลชั้นต้น2 ครั้ง ครั้งละ 15 วันครั้งแรกศาลชั้นต้นอนุญาตตามคำร้อง ส่วนครั้งที่ 2 อนุญาตให้เพียง 7 วัน วันที่ 31 มีนาคม 2532 จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์คำสั่งขอให้ศาลอุทธรณ์ขยายระยะเวลาการชำระเงินให้อีก 15 วันศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งซึ่งคำสั่งนี้เป็นที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้ายจำเลยจะขอขยายระยะเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดอีกไม่ได้ ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาการชำระเงิน ก็หาก่อให้เกิดสิทธิแก่จำเลยไม่เพราะเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการชำระเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว จำเลยทั้งสองมิได้ชำระศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ยื่นมาพร้อมคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ต่อมาวันที่ 10 เมษายน 2532จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า กรณีต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันจึงให้ปฏิบัติภายในวันที่ 14 เมษายน 2532 ก่อนครั้นถึงกำหนดจำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2532 ให้ส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง
วันที่ 26 เมษายน 2532 จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นว่าจำเลยไม่ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง ศาลชั้นต้นส่งอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไปรวมสำนวนที่ศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายื่นตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล และมีคำสั่งว่าจำเลยมิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาที่ให้จำเลยทั้งสองแพ้คดีจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองอุทธรณ์อย่างคนอนาถา และสั่งว่าหากจำเลยทั้งสองยังติดใจอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นใน 10 วัน จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการชำระเงินออกไปอีก 15 วัน แต่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาไปเพียง 7 วัน อันเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่สั่งขยายระยะเวลาการชำระเงินให้จำเลยทั้งสองเพื่อประโยชน์แก่ความยุติธรรม จำเลยทั้งสองจึงยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าว ซึ่งย่อมมีสิทธิจะทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองก็มีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ได้ตาม มาตรา 234 โดยต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลแม้อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ก็ตาม แต่ก็เป็นยื่นอุทธรณ์ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว และเมื่อมีการอุทธรณ์ย่อมทำให้การบังคับคดีต้องล่าช้าไป อาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้จำเลยทั้งสองจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายดังกล่าวสำหรับในกรณีเช่นนี้ด้วย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share