คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่าไม่ได้ขว้างระเบิด แต่ลูกระเบิดเกี่ยวรั้วลวดหนามตกลงไปเอง ศาลไม่เชื่อจำเลย คำรับของจำเลยว่ามีลูกระเบิดจึงไม่ให้ความรู้เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา แต่จำเลยเข้ามอบตัวเมื่อหนีไป 9 เดือนถือได้ว่าลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงาน ลดโทษได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 340, 289(2), 371, 80 จำคุก 53 ปี ปรับ 100 บาท ผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55, 78 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลดโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นจำคุก 33 ปี 4 เดือน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลลดโทษจำเลยในข้อหาฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2), 80 อีก 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่า จำเลยมิได้ใช้ระเบิดขว้างพยายามฆ่าเจ้าพนักงานตำรวจดังโจทก์ฟ้อง เป็นเรื่องลูกระเบิดซึ่งห้อยอยู่นอกขอบกางเกงจำเลยได้เกี่ยวรั้วลวดหนามขณะจำเลยวิ่งหนีตำรวจ ระเบิดขึ้นเอง ศาลล่างทั้งสองไม่เชื่อข้ออ้างของจำเลยดังกล่าว จึงได้พิพากษาลงโทษจำเลย ข้อนำสืบของจำเลยตลอดจนคำให้การรับสารภาพว่ามีลูกระเบิดไว้ในความครอบครอง จึงไม่ได้ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาแต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยในเหตุผลข้อนี้ไม่ชอบ

แต่อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงได้ความว่า วันเกิดเหตุจำเลยหลบหนีไป ต่อมาภายหลังเกิดเหตุประมาณ 8 เดือนเศษ จำเลยได้มอบตัวต่อเจ้าพนักงาน ถือได้ว่าจำเลยรู้สึกความผิดลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงาน สมควรลดโทษให้จำเลย จึงให้ลดโทษแก่จำเลยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

พิพากษายืน

Share