คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายกับพวกนั่งคุยกันอยู่ในบริเวณโรงเรียน จำเลยกับพวกอีก 5 คน เดินเข้าไปหาแล้วจำเลยถาม ป. พวกของผู้ตายว่าไปท้าทายเพื่อนจำเลยจริงหรือไม่ ป. ตอบว่าเพียงแต่พูดล้อเล่นเท่านั้น และพูดขอโทษจำเลย ระหว่างนั้นผู้ตายซึ่งมีอาการเมาสุราได้พูดกับจำเลยว่าให้จำเลยชกต่อยกับ ป. ตัวต่อตัว แต่มีอาจารย์เข้ามาห้ามเสียก่อน ต่อมาเมื่อผู้ตายกับพวกออกไปที่หน้าโรงเรียนจำเลยกับพวกประมาณ 10 คน พากันขับและนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์3 คันมาที่โรงเรียนแล้วจำเลยกับพวกประมาณ 3-4 คน ลงจากรถจักรยานยนต์เดินเข้าไปหาผู้ตายกับพวกจำเลยถาม ป.ว่า ใครพูดว่าให้จำเลยชกกันตัวต่อตัว แต่ ป. ไม่ยอมบอก จำเลยจึงกระโดดเข้าชกผู้ตาย 1 ที ผู้ตายวิ่งหนีไป จำเลยพูดขึ้นว่า เอาเลยพวกไอ้ตัวนี้แหละแล้วจำเลยกับพวกประมาณ 10 คนก็วิ่งไล่ตามผู้ตายไปโดยพวกของจำเลยคนหนึ่งถือมีดปาดตาลยาวทั้งด้ามประมาณ 30 เซนติเมตรไปด้วย 1 เล่ม เมื่อจำเลยกับพวกวิ่งไล่ทันจำเลยกระโดดเตะผู้ตาย1 ที พวกของจำเลยก็เข้ารุมชกต่อยและใช้มีดปาดตาลแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย เมื่อคำนึงถึงว่าจำเลยกับพวกซึ่งมีจำนวนมากและมีมีดปาดตาลเป็นอาวุธเข้ารุมทำร้ายผู้ตายซึ่งวิ่งไปเพียงคนเดียวและบาดแผลที่ผู้ตายถูกทำร้ายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณอวัยวะสำคัญแสดงว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันฆ่าผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ให้จำคุก 15 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุกจำเลยไว้ 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในวันเกิดเหตุ ขณะที่ผู้ตาย นายประยุทธและนายประสพนั่งคุยกันอยู่ในบริเวณโรงเรียนวรนารีเฉลิม จำเลยกับพวกอีก 4 คนเดินเข้าไปหา จำเลยถามนายประยุทธว่าไปท้าเพื่อนจำเลยจริงหรือไม่ นายประยุทธตอบว่าเพียงแต่พูดล้อเล่นกับนายศุภมิตรเท่านั้น และพูดขอโทษจำเลย ระหว่างนั้นผู้ตายซึ่งมีอาการเมาสุราได้พูดกับจำเลยว่า ให้จำเลยชกต่อยกับนายประยุทธตัวต่อตัวแต่มีอาจารย์เข้ามาห้ามเสียก่อน ต่อมาเมื่อผู้ตายกับพวกออกไปที่หน้าโรงเรียนโดยผู้ตาย นายประยุทธ นายสุรพงษ์ และนายประสพไปยืนอยู่บริเวณใต้เสาไฟฟ้าสาธารณะหน้าโรงเรียนดังกล่าวจำเลยกับพวกประมาณ 10 คน พากันขับและนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ 3 คัน มาที่หน้าโรงเรียน แล้วจำเลยกับพวกประมาณ 3 ถึง 4 คน ลงจากรถจักรยานยนต์เดินเข้ามาหาผู้ตายกับพวก จำเลยถามนายประยุทธว่าใครพูดว่าให้จำเลยชกตัวต่อตัว แต่นายประยุทธไม่บอก จำเลยว่ายืนอยู่กลุ่มเดียวกันทำไมไม่รู้ แล้วจำเลยกระโดดเข้าชกผู้ตาย 1 ทีผู้ตายวิ่งไปทางทิศตะวันออก จำเลยพูดขึ้นว่าเอาเลยพวกไอ้ตัวนี้แหละและจำเลยกับพวกทั้งหมดประมาณ 10 คน วิ่งไล่ตามผู้ตายไป โดยพวกของจำเลยคนหนึ่งถือมีดปาดตาลไปด้วย 1 เล่ม ตัวมีดยาวประมาณ 20เซนติเมตร รวมตัวด้ามยาวประมาณ 30 เซ็นติเมตร เมื่อผู้ตายวิ่งไปได้ประมาณ 30 เมตร จำเลยกับพวกวิ่งไล่ทัน จำเลยกระโดดเตะผู้ตาย 1 ที พวกของจำเลยก็เข้ารุมทำร้ายผู้ตาย จำเลยกับพวกรุมทำร้ายผู้ตายประมาณ 3 นาที ก็มีเสียงปืนดังขึ้น จำเลยกับพวกพากันวิ่งกลับมาที่รถจักรยานยนต์ แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปด้วยกัน ส่วนผู้ตายล้มนอนอยู่ในที่เกิดเหตุบาดแผลผู้ตายที่ฉกรรจ์ก็มีบาดแผลที่เกิดจากถูกของมีคม ที่หน้าท้อง 2 แผล แผลที่ 1 ลึกทะลุท้อง แผลที่ 2 ยาว 5 เซนติเมตร มีลำไส้โผล่ออกมาจากบาดแผลและมีบาดแผลที่หลังด้านซ้ายยาว 2 เซนติเมตร ลึกถึงช่องท้องทรวงอก เมื่อคำนึงถึงว่าจำเลยกับพวกซึ่งมีจำนวนมากและมีมีดปาดตาลเป็นอาวุธเฉพาะตัวมีดยาว 20 เซนติเมตร รวมทั้งด้ามยาวถึง 30เซนติเมตร เข้ารุมทำร้ายผู้ตายซึ่งวิ่งไปเพียงคนเดียว บาดแผลที่ผู้ตายถูกทำร้ายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่อวัยวะสำคัญ เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย หลังจากถูกนำส่งโรงพยาบาล แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันฆ่าผู้ตาย
พิพากษายืน

Share