แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินของโจทก์ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ จำเลยอาศัยโจทก์ทำนา เมื่อจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครอง ต้องบอกกล่าวหรือแสดงโดยชัดแจ้งให้โจทก์ทราบว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือครอบครองแทนต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 การที่จำเลยเพิ่งแสดงออกให้โจทก์เห็นว่าจำเลยครอบครองเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์เริ่มตั้งแต่จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแพ่งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2503 ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2504 คดีไม่ขาดอายุความ
จำเลยฎีกาอ้างขึ้นมาลอย ๆ ว่า โจทก์เป็นคนต่างด้าว กฎหมายห้ามมิให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งตามสำนวนไม่ปรากฏ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมนางเพียงนายผาอาศัยที่นาของโจทก์เฉพาะหมาย ค.ตามแผนที่ท้ายฟ้อง โจทก์ฟ้องนางเพียงนายผา ขอห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องตามคดีแพ่งแดงที่ ๕/๒๕๐๔ จำเลยที่ ๑ ซึ่งอาศัยที่นาโจทก์หมาย ข. ถูกเรียกเข้าเป็นจำเลยร่วม ต่อมาวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๐๓ จำเลยที่ ๑ ยื่นคำให้การว่า ได้ขออนุญาตจับจองบุกเบิกที่นาหมาย ข. มาแต่ปี ๒๔๙๗ ได้รับหนังสือรับรองทำประโยชน์ และจำเลยที่ ๒ ซึ่งอาศัยที่นาพิพาทหมาย ค. ของโจทก์ เบิกความเป็นพยานจำเลยในคดีดังกล่าว เมื่อ ๖-๗ เดือนก่อนฟ้องคดีนี้ว่าได้จับจองที่พิพาทหมาย ค.มาพร้อมกับจำเลยที่ ๑ โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยทั้งสองอาศัยที่นาโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองคืนนาหมาย ข.ค. ตามแผนที่ท้ายฟ้องให้โจทก์ ห้ามเกี่ยวข้อง ถ้าทางราชการออก น.ส.๓ ให้ ก็ขอให้ศาลสั่งเพิกถอน
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย ได้มาโดยการจับจองบุกเบิกถางป่า ได้แจ้ง ส.ค. ๑ และได้รับ น.ส. ๓ ฟ้องขาดอายุความ ๑ ปี นับแต่ทราบว่าจำเลยแย่งการครอบครอง และเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ ๕/๒๕๐๔
ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยคืนนาให้โจทก์ห้ามเกี่ยวข้อง ให้เพิกถอนหนังสือ น.ส. ๓
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ นางดาเจ้าของเดิมมีสิทธิครอบครองได้มอบเพื่อตีชำระหนี้แก่โจทก์ ถือว่าสละสิทธิการครอบครองให้โจทก์แล้ว โจทก์ครอบครองโดยเจตนายึดถือเพื่อตนตลอดมา โจทก์มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิฟ้องเอาคืนการครอบครองได้ จำเลยที่ ๑,๒ อาศัยนาพิพาทจากโจทก์ทำ ถือว่ายึดถือครอบครองแทนโจทก์ เมื่อจำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครอง ต้องบอกกล่าวหรือแสดงโดยชัดแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยึดถือครอบครองแทนต่อไปตามมาตรา ๑๓๘๑ จำเลยทั้งสองเพิ่งแสดงตนออกให้โจทก์เห็นว่าจำเลยครอบครองเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์เริ่มตั้งแต่จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้คดีแพ่งแดงที่ ๕/๒๕๐๔ เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๐๓ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๐๔ เป็นการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน ๑ ปี ไม่ขาดอายุความ ที่อ้างว่าจำเลยที่ ๑ เป็นบุคคลต่างด้าว กฎหมายห้ามมิให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น จำเลยอ้างขึ้นมาลอย ๆ โจทก์อ้างกรรมสิทธิ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามท้องสำนวนไม่ปรากฏ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน