คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3264/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อลูกหนี้ถูกผู้ชำระบัญชีร้องขอต่อศาลให้ล้มละลาย และศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจเข้าว่าคดีหรือดำเนินคดีแพ่งอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาล และมีอำนาจขอให้ศาลงดการพิจารณาคดีแพ่งดังกล่าวตลอดทั้งการขอถอนฟ้องสำหรับกรณีที่ลูกหนี้เป็นโจทก์ได้
โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ฟ้องจำเลยว่ากระทำละเมิดต่อลูกหนี้เป็นเหตุให้ลูกหนี้ได้รับความเสียหาย แม้ลูกหนี้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วยก็มิใช่เป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินในคดีล้มละลายของลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจขอถอนอุทธรณ์.โดยไม่จำต้องได้รับความเห็นชอบจากกรรมการลูกหนี้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ทั้งห้าในฐานะเจ้าหนี้ของบริษัทราชาเงินทุน จำกัด ใช้สิทธิเรียกร้องของบริษัทราชาเงินทุน จำกัด ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสิบแปดกล่าวหาว่ากระทำละเมิดต่อบริษัทราชาเงินทุน จำกัด ทำให้เกิดความเสียหาย ขอบังคับให้จำเลยทั้งสิบแปดร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บริษัทราชาเงินทุน จำกัดและแก่โจทก์ทั้งห้า พร้อมกันนั้นโจทก์ทั้งห้าได้ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกบริษัทราชาเงินทุน จำกัด เข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๒๓๔ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๓) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้อง
ต่อมาบริษัทราชาเงินทุน จำกัด โดยกรรมการบริษัท ยื่นคำแถลงขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า บริษัทราชาเงินทุน จำกัด ถูกเพิกถอนใบอนุญาตและตั้งผู้ชำระบัญชีแล้ว อำนาจที่จะฟ้องคดีแทนบริษัทราชาเงินทุน จำกัดย่อมตกได้แก่ผู้ชำระบัญชี จึงไม่รับคำแถลง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยวินิจฉัยว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
ผู้ร้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำแถลงขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมถือเป็นคำคู่ความเมื่อศาลสั่งไม่รับคำแถลง ผู้ร้องย่อมอุทธรณ์ได้ มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป
ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทราชาเงินทุน จำกัด ยื่นคำร้องอ้างว่าบริษัทราชาเงินทุน จำกัด ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว จึงขอเข้าว่าคดีแทนบริษัทราชาเงินทุน จำกัด และขอถอนอุทธรณ์เพราะเห็นว่าการดำเนินคดีต่อไปไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนบริษัทราชาเงินทุน จำกัด และส่งให้ศาลอุทธรณ์สั่งเรื่องขอถอนอุทธรณ์
โจทก์ทั้งห้ายื่นคำแถลงคัดค้านการขอถอนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องถอนอุทธรณ์
โจทก์ทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๒๕ ให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีหรือเข้าดำเนินคดีแพ่งทั้งปวงอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แทนลูกหนี้และมีอำนาจขอให้ศาลงดการพิจารณาคดีแพ่งดังกล่าวได้ ส่วนการดำเนินกระบวนพิจารณาประการอื่นเมื่อเข้าว่าคดีหรือเข้าดำเนินคดีแทนลูกหนี้ รวมทั้งการขอถอนฟ้องสำหรับในกรณีที่ลูกหนี้เป็นโจทก์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจกระทำได้ เพราะมาตรานี้มิได้ระบุห้ามไว้ แม้การขอถอนฟ้องต้องอยู่ในบังคับพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๕(๔) ซึ่งมีความว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะกระทำการฟ้องหรือถอนฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินในคดีล้มละลาย หรือฟ้องหรือถอนฟ้องคดีล้มละลายได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากกรรมการเจ้าหนี้แล้วแต่สำหรับคดีนี้โจทก์ทั้งห้าใช้สิทธิเรียกร้องของบริษัท ราชาเงินทุน จำกัดฟ้องจำเลยให้รับผิด โดยอ้างว่ากระทำละเมิดต่อบริษัทราชาเงินทุน จำกัดเป็นให้ให้ได้รับความเสียหาย แม้บริษัท ราชาเงินทุน จำกัด ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกรณีก็มิใช่เป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินในคดีล้มละลายของบริษัทราชาเงินทุนจำกัด จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้บริษัทราชาเงินทุน จำกัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ถอนอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share