แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขาย เสนอขาย สินค้าเครื่องสำอางชิเซโดจำนวน 2 กล่อง เครื่องสำอางปัดคิ้วยี่ห้อแม็กจำนวน 1 กล่อง อันเป็นสินค้าควบคุมฉลากตามกฏหมาย โดยเสนอขายต่อผู้มาติดต่อซื้อ ซึ่งฉลากของสินค้าดังกล่าวไม่มีข้อความแสดงวิธีใช้และข้อแนะนำการใช้หรือข้อห้าม ไม่ถูกต้องตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง อันเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานเสนอจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนเครื่องหมายที่แท้จริงของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักรโดยชอบ
ย่อยาว
บรรดาคำฟ้อง คำให้การ รวมทั้งรายการต่างๆ ที่ปรากฏในคำพิพากษา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษานี้
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 52 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 30 วรรคหนึ่ง อีกกระทงหนึ่งหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าในข้อ 3 ว่า จำเลยขาย เสนอขายสินค้าเครื่องสำอางชิเซโด (SHISEIDO) จำนวน 2 กล่อง เครื่องสำอางปัดคิ้วยี่ห้อแม็ก (MAC) จำนวน 1 กล่อง ภายในตลาดนัดเซฟวัน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา อันเป็นสินค้าควบคุมฉลากตามกฎหมาย โดยการเสนอขายแก่ผู้มาติดต่อซื้อ โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงิน ซึ่งฉลากของสินค้าดังกล่าวไม่มีข้อความแสดงวิธีใช้และข้อแนะนำการใช้หรือข้อห้าม และไม่มีข้อความภาษาไทย ชื่อ หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้สั่งและนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งฉลากและการแสดงฉลากดังกล่าวไม่ถูกต้องตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ลักษณะของฉลากที่ควบคุมฉลาก พ.ศ.2541 ประกาศ ณ วันที่ 23 กันยายน 2541 อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและจำเลยไม่ได้รับการยกเว้นใด ๆ ตามกฎหมาย ทั้งนี้จำเลยรู้อยู่แล้วว่าการแสดงฉลากดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยกระทำผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 52 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 30 วรรคหนึ่งอีกกระทงหนึ่งด้วย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้พิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลาก กับมิได้ลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง เป็นการพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 (8) อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น และเห็นควรพิพากษาไปโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาพิพากษาใหม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 52 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 30 วรรคหนึ่ง อีกกระทงหนึ่ง เป็นความผิดต่างกรรมกันกับความผิดฐานเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 110 (1) ประกอบมาตรา 109 ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 52 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 30 วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหานี้เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษในข้อหานี้ให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 2,500 บาท เมื่อรวมกับโทษจำคุก 1 เดือน และปรับ 5,000 บาท ในความผิดฐานเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรแล้ว เป็นจำคุก 1 เดือน และปรับ 7,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง