คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกมีกำหนดถึง 10 ปี แล้วผู้เช่าจะยกตึกที่ปลูกสร้างทดแทนให้เจ้าของที่ดินอีกโสดหนึ่งต่างหากจากค่าเช่า ดังนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด 10 ปีไม่ได้
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้เลิกสัญญาเช่น และขอให้ผู้เช่าส่งมอบที่ดินที่เช่ากับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าปลูกสร้างลงไว้บนที่ดินที่เข่าให้แก่ผู้ให้เช่านั้น ต้องตีราคาสิ่งปลูกสร้างเป็นทุนทรัพย์แห่งคดี และต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ เพราะเป็นทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำเป็นจะต้องฟังคำให้การของจำเลยก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาแบ่งเช่ากรรมสิทธิบางส่วนที่ดินโฉนดที่ ๒+ เพื่อสร้างตึกแถว เสียค่าเช่าที่ดินเดือนละ ๓๐๐ บาท ต่อมาเจ้าของที่ดินได้ขายกรรมสิทธิที่ดินแปลงนี้ให้แก่โจทก์ จำเลยค้างชำระค่าเช่าอยู่ ๒๘๐๐ บาท โจทก์ติดต่อทวงถามก็ไม่ได้ จึงได้บอกยกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ใช้ค่าเช่าที่ค้าง ค่าสินไหมทดแทน และส่งมอบทรัพย์สินที่เช่า พร้อมทั้งสินปลูกสร้างคืน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลแพ่งสืบพยานโจทก์แล้ว พิพากษาว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่า คงให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง ๒๘๐๐ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาเป็นสัญญาที่หวังผลตอบแทนซึ่งกันและกันยิ่งกว่าสัญญาเช่าตามธรรมดา โดยเป็นที่ตกลงกันโดยแจ้งชัดและโดยปริยายว่า จะต้องให้เช่าถึง ๑๐ ปี แล้วผู้เช่าจะยกตึกที่ปลูกสร้างทดแทนให้อีกโสดหนึ่งต่างหากจากค่าเช่า แสดงให้เห็นเจตนาของคู่สัญญาว่ามุ่งจะผูกพันกันเป็นเวลาถึง ๑๐ ปี
และคดีโจทก์ฟ้องขอให้มอบสิ่งปลูกสร้างด้วย ต้องตีราคาสิ่งปลูกสร้างเป็นทุนทรัพย์แห่งคดี และต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ เพราะเป็นทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำต้องฟังคำให้การของจำเลยก่อน

Share