แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กองทุนรวมทั้งสี่กองทุนตามฟ้องเป็นกองทุนรวมที่จดทะเบียนแล้ว จึงมีฐานะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกันและแยกต่างหากจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนรวม ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 124 วรรคสอง ผลประโยชน์หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่โจทก์นำทรัพย์สินของกองทุนรวมแต่ละกองทุนไปลงทุน ย่อมตกแก่กองทุนรวมแต่ละกองทุนตามส่วนของเงินที่นำไปลงทุน แม้หุ้นกู้แต่ละกองทุนเป็นหุ้นกู้ที่จำเลยเสนอขายแก่โจทก์ในคราวเดียวกัน แต่โจทก์เป็นแต่เพียงผู้ที่นำทรัพย์สินของกองทุนรวมทั้งสี่กองทุนไปลงทุน โดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการเป็นผลตอบแทนเท่านั้น มิใช่เป็นผู้ซื้อหุ้นกู้ของจำเลยเอง มูลหนี้ที่เกิดจากการซื้อขายหุ้นกู้ตามฟ้องของแต่ละกองทุนรวมจึงมิได้เกี่ยวข้องกัน แม้โจทก์ฟ้องรวมกันมาเป็นคดีเดียวกัน ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยเป็นรายกองทุนรวม
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมได้ โจทก์ได้จัดตั้งและจดทะเบียนโครงการจัดการกองทุนรวมต่างๆ และได้ซื้อหุ้นกู้ของจำเลยเพื่อถือหุ้นกู้ในนามของกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้อำนาจการจัดการดูแลของโจทก์ โจทก์ซื้อหุ้นกู้ของจำเลยในนามของกองทุนรวมไทยพาณิชย์ทุนทวี ๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในนามของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ธนทวี จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในนามกองทุนรวมไทยพาณิชย์ทุนทวี จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และในนามของกองทุนรวมไทยพาณิชย์วอลล์สตรีท รวมจำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท กองทุนรวมเหล่านั้นจึงเป็นผู้ถือหุ้นกู้ของจำเลยมีสิทธิที่จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๑.๒๕ ต่อปี ปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๑ มิถุนายนและวันที่ ๒๑ ธันวาคมของทุกปี และมีสิทธิได้รับการไถ่ถอนหุ้นกู้ตามกำหนดไถ่ถอนภายในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๔ หรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนในกรณีมีเหตุการณ์อันเป็นเงื่อนไขให้จำเลยมีหน้าที่ต้องไถ่ถอนหุ้นก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน ต่อมาวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๐ จำเลยได้รับคำสั่งจากกระทรวงการคลังให้ระงับการดำเนินกิจการและให้จัดการทำแผนฟื้นฟูกิจการส่งกระทรวงการคลังพิจารณา แต่ปรากฏว่าวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๔๐ คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินไม่เห็นชอบกับแผนฟื้นฟูกิจการเป็นผลให้จำเลยไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ จำเลยได้ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ตั้งแต่งวดประจำวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๐ เป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินคืนโจทก์จำนวน ๖๙,๙๘๘,๕๒๗.๓๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ๑๑.๒๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ซื้อหุ้นกู้ของจำเลยหลายครั้งในนามกองทุนต่างกัน และคนละครั้งแยกจากกัน ดังนั้นข้อหาที่โจทก์เสนอต่อศาลสามารถแยกต่างหากจากกันเป็นหลายข้อหาได้ตามจำนวนครั้งที่โจทก์ซื้อหุ้นกู้จากจำเลย โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลเป็นรายข้อหา จึงให้โจทก์แก้ฟ้องระบุจำนวนเงินพร้อมดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องของแต่ละข้อหาให้ชัดเจน และให้เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ให้ครบภายใน ๑๕ วัน หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องและนำเงินค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่ได้แก้ไขมาชำระเพิ่มจำนวน ๖๐๐,๐๐๐ บาท ตามคำสั่งศาลชั้นต้น แต่ได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลไว้แล้ว ต่อมาจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมนำคดีมาฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าไถ่ถอนหุ้นกู้ที่โจทก์ซื้อจากจำเลยในนามกองทุนรวมจำนวน ๔ กองทุน พร้อมดอกเบี้ย โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยเป็นรายกองทุนรวมหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้จัดให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์จากการนำทรัพย์สินของกองทุนรวมไปลงทุนในหุ้นกู้ของจำเลย การที่โจทก์ซื้อหุ้นกู้จากจำเลยหลายครั้งในนามกองทุนรวมต่างกัน เป็นเพียงวิธีการจัดสรรเพื่อการลงทุนของโจทก์ ประกอบกับหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ที่จำเลยเสนอขายในคราวเดียวกัน มูลหนี้ตามฟ้องจึงไม่อาจแบ่งแยกตามจำนวนครั้งที่ซื้อขายเป็นรายกองทุนรวมได้ ทั้งการผิดสัญญาของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โดยตรง โจทก์ชอบที่จะชำระค่าขึ้นศาลในอัตราสูงสุดตามตาราง ๑ ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ (๑) (ก) เห็นว่า กองทุนรวมทั้งสี่กองทุนตามฟ้องเป็นกองทุนรวมที่จดทะเบียนแล้ว จึงมีฐานะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน และแยกต่างหากจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนรวม ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๑๒๔ วรรคสอง ผลประโยชน์หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่โจทก์นำทรัพย์สินของกองทุนรวมแต่ละกองทุนไปลงทุน ย่อมตกแก่กองทุนรวมแต่ละกองทุนตามส่วนของเงินที่นำไปลงทุน และแม้หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ที่จำเลยเสนอขายแก่โจทก์ในคราวเดียวกัน แต่โจทก์เป็นแต่เพียงผู้ที่นำทรัพย์สินของกองทุนรวมทั้งสี่กองทุนไปลงทุนโดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการเป็นผลตอบแทนเท่านั้น มิใช่เป็นผู้ซื้อหุ้นกู้ของจำเลยเอง มูลหนี้ที่เกิดจากการซื้อขายหุ้นกู้ตามฟ้องของแต่ละกองทุนรวมจึงมิได้เกี่ยวข้องกัน เมื่อโจทก์ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมนำคดีมาฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าไถ่ถอนหุ้นกู้ที่โจทก์ซื้อจากจำเลยในนามกองทุนรวมจำนวน ๔ กองทุน พร้อมดอกเบี้ยแม้ฟ้องรวมกันมาเป็นคดีเดียว ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยเป็นรายกองทุนรวม ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยเป็นรายกองทุนรวมชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
นายอธิคม อินทุภูติ ผู้ช่วยฯ
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายชัยรัตน์ เบ็ญจะมโน ผู้ช่วยฯ/ตรวจ