คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อาวุธปืนแม้จะไม่มีลูกโม่และแกนลูกโม่ปืน ไม่สามารถใช้ยิงได้ ก็เป็นอาวุธโดยสภาพตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(5)เมื่อจำเลยพาไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 371(อ้างคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 1903/2520)
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ มิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องสามารถใช้ยิงได้จึงจะเป็นความผิด เมื่ออาวุธปืนของกลางที่จำเลยพกพาติดตัวไปเป็นอาวุธปืนตามความหมายของกฎหมายก็ต้องด้วยเงื่อนไขที่บัญญัติเป็นความผิดแล้วแม้ไม่อาจใช้ยิงได้ก็ถือว่าจำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายดังกล่าวแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ไม่มีลูกโม่และแกนลูกโม่1 กระบอกใช้ยิงไม่ได้ และไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย จำเลยได้พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้ ทั้งไม่เป็นกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัว เมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ จำเลยได้ใช้อาวุธปืนนั้นจี้ข่มขืนใจผู้เสียหายให้ยอมให้จำเลยกระทำอนาจาร โดยขู่เข็ญและทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายจนผู้เสียหายจำต้องยอมให้จำเลยกระทำอนาจารขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 309, 371พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ กฎกระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ 3) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490ข้อ 1 กับให้ริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ปืนของกลางไม่มีลูกโม่และแกนลูกโม่ปืนใช้ยิงไม่ได้ไม่เป็นอาวุธปืนตามกฎหมาย ทั้งฟังไม่ได้ว่าเป็นชิ้นส่วนของอาวุธปืนจำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตและฐานพกพาอาวุธปืนโดยผิดกฎหมายพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 จำคุก 4 เดือน จำเลยรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 2 เดือน ของกลางริบ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ปืนของกลางเป็นอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตเป็นความผิดตามฟ้องแต่สำหรับกระทงความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันสมควรเห็นว่า อาวุธปืนของกลางใช้ยิงไม่ได้ไม่เป็นอาวุธหรืออาวุธปืนตามความหมายของบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 อีกระทงหนึ่งจำคุก 6 เดือน รวมเป็นจำคุก 10 เดือน จำเลยรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 5 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า อาวุธปืนของกลางใช้ยิงไม่ได้ก็เป็นอาวุธและอาวุธปืนตามกฎหมาย จำเลยพกพาไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นความผิด

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า อาวุธปืนของกลางนี้แม้จะไม่มีลูกโม่และแกนลูกโม่ปืนไม่สามารถใช้ยิงได้ ก็เป็นอาวุธโดยสภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(5)เมื่อจำเลยพาไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 371 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 1903/2520

ส่วนข้อที่จำเลยจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ ด้วยหรือไม่ เห็นว่าบทบัญญัติของกฎหมายมิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องสามารถใช้ยิงได้จึงจะเป็นความผิด และศาลฎีกาเห็นว่าตามคาดคิดของบุคคลธรรมดาหากไม่ล่วงรู้มาก่อนย่อมนึกว่าอาวุธปืนโดยสภาพเป็นอาวุธที่สามารถประทุษร้ายแก่ร่างกายถึงสาหัส แม้อาวุธปืนนั้นจะไม่อาจใช้ยิงได้ คนร้ายก็สามารถนำไปใช้ประกอบอาชญากรรมก่อกวนความสงบสุขของประชาชนทั่วไปได้เช่นในคดีนี้ อนึ่ง หากจะแปลว่าต้องใช้บังคับเฉพาะอาวุธปืนที่ใช้ยิงได้เท่านั้น ผู้มีเจตนาร้ายอาจอาศัยช่องว่างของกฎหมายแยกชิ้นส่วนของอาวุธปืนออกแล้วพกพานำไปประกอบเข้าด้วยกันในภายหลังโดยถือว่าการพกพาเช่นนั้นไม่เป็นความผิด ความประสงค์ของการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติดังกล่าวก็จะไร้ผลบังคับไป ด้วยเหตุนี้ศาลฎีกาจึงเห็นว่า เมื่ออาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนตามความหมายของกฎหมายและจำเลยพกพาติดตัวไปต้องด้วยเงื่อนไขที่บัญญัติเป็นความความผิดแล้ว

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 และผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ วรรคสอง อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือนจำเลยรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 3 เดือน รวมทุกกระทงความผิดเป็นจำคุก 8 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share