แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 65 ฉ วรรคหนึ่ง กำหนดสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่จะขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่และอธิบดีตรวจสอบและมีคำสั่งเกี่ยวกับเงื่อนไขการออกอนุสิทธิบัตรว่ามีลักษณะตามมาตรา 65 ทวิ หรือไม่ ภายในหนึ่งปีนับจากวันประกาศโฆษณาการจดทะเบียนการประดิษฐ์และออกอนุสิทธิบัตร แต่มาตรา 65 นว วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติว่า “อนุสิทธิบัตรใดได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 65 ทวิ มาตรา 65 ทศ ประกอบด้วยมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 หรือมาตรา 14 ให้ถือว่าอนุสิทธิบัตรนั้นไม่สมบูรณ์” และวรรคสองบัญญัติว่า “ความไม่สมบูรณ์ตามวรรคหนึ่งบุคคลใดจะกล่าวอ้างขึ้นก็ได้ หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรนั้นก็ได้” การฟ้องคดีนี้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดกล่าวอ้างว่าอนุสิทธิบัตรของจำเลยเป็นอนุสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์จึงเป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 65 นว ไม่ใช่การใช้สิทธิตามมาตรา 65 ฉ โจทก์ทั้งสิบเอ็ดจึงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสิบเอ็ดฟ้องขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 4333 ของจำเลย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 4333 คำขอเลขที่ 0603001106 ชื่อที่แสดงถึงการประดิษฐ์ “ถังใส่อาหารสำหรับเลี้ยงสุกร” ของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ (ที่ถูก โจทก์ทั้งสิบเอ็ด) โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยอุทธรณ์ข้อแรกว่า โจทก์ทั้งสิบเอ็ดมีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า มาตรา 65 ฉ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ภายในหนึ่งปีนับจากวันประกาศโฆษณาการจดทะเบียนการประดิษฐ์และออกอนุสิทธิบัตร บุคคลผู้มีส่วนได้เสียอาจขอให้ตรวจสอบว่าการประดิษฐ์ที่ได้รับอนุสิทธิบัตรมีลักษณะตามที่กำหนดในมาตรา 65 ทวิ หรือไม่ก็ได้” บทบัญญัติดังกล่าวกำหนดสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่จะขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่และอธิบดีตรวจสอบและมีคำสั่งเกี่ยวกับเงื่อนไขการออกอนุสิทธิบัตรว่ามีลักษณะตามมาตรา 65 ทวิ หรือไม่ ภายในหนึ่งปีนับจากวันประกาศโฆษณาการจดทะเบียนการประดิษฐ์และออกอนุสิทธิบัตร แต่มาตรา 65 นว วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติว่า “อนุสิทธิบัตรใดได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 65 ทวิ มาตรา 65 ทศ ประกอบด้วยมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 หรือมาตรา 14 ให้ถือว่าอนุสิทธิบัตรนั้นไม่สมบูรณ์” และวรรคสองบัญญัติว่า”ความไม่สมบูรณ์ตามวรรคหนึ่งบุคคลใดจะกล่าวอ้างขึ้นก็ได้ หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรนั้นก็ได้” การฟ้องคดีนี้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดกล่าวอ้างว่าอนุสิทธิบัตรของจำเลยเป็นอนุสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์จึงเป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 65 นว ไม่ใช่การใช้สิทธิตามมาตรา 65 ฉ โจทก์ทั้งสิบเอ็ดจึงมีอำนาจฟ้อง อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ทั้งสิบเอ็ด 5,000 บาท