คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การพิจารณาว่าการกระทำใดเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน มิใช่แต่เพียงว่าหากเป็นการกระทำครั้งเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไป ซึ่งอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้หากผู้กระทำมีเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันหรือประสงค์จะให้เกิดเป็นความผิดหลายฐานต่างกัน การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันเรียกรับค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายแล้วไม่ออกใบรับตามแบบที่อธิบดีกำหนดให้แก่คนหางาน ร่วมกันรับสมัครคนหางานโดยมิได้ยื่นคำขออนุญาตต่อนายทะเบียน และร่วมกันรับค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายแล้วไม่จัดส่งคนหางานเพื่อไปทำงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรอันเป็นความผิดตามฟ้อง มีลักษณะของความผิดเป็นการกระทำที่มีเจตนาต่างขั้นตอนและแตกต่างกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละข้อหาต่างหากจากกันได้อย่างแจ้งชัด และเป็นการกระทำที่มุ่งประสงค์ให้มีผลต่างกรรมกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 27, 35, 47, 74, 79, 85 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 786,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งยี่สิบสาม
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ต่อมาให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบมาตรา 47 มาตรา 35, 75, 79, 85 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเรียกเก็บเงินค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายแล้วไม่ออกใบรับเงิน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน และปรับจำเลยทั้งสองรวมกันเป็นเงิน 3,930,000 บาท ฐานร่วมกันรับสมัครคนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ยื่นคำขออนุญาต ปรับคนละ 6,000 บาท ฐานร่วมกันเก็บเงินค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายจากคนหางานแล้วไม่จัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 1 ลงโทษเฉพาะปรับ 20,000 บาท รวมลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน ปรับ 3,956,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 1 ปรับรวมเป็นเงิน 3,956,000 บาท โดยค่าปรับจำนวน 3,930,000 บาท เป็นจำนวนเดียวกันกับค่าปรับของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 เดือน และปรับ 1,978,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 1 คงปรับ 1,978,000 บาท โดยค่าปรับจำนวน 1,965,000 บาท เป็นจำนวนเดียวกับค่าปรับของจำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยที่ 2 ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายแล้ว เห็นควรให้โอกาสจำเลยที่ 2 กลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 กรณีจำเลยที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องบรรยายการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองแต่ละข้อหาแยกกระทงเรียงเป็นลำดับกันไปต่างหากจากกัน กล่าวคือ จำเลยทั้งสองร่วมกันเรียกรับค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายแล้วไม่ออกใบรับตามแบบที่อธิบดีกำหนดให้แก่คนหางาน ร่วมกันรับสมัครคนหางานโดยมิได้ยื่นคำขออนุญาตต่อนายทะเบียน และร่วมกันรับค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายแล้วไม่จัดส่งคนหางานเพื่อไปทำงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องโจทก์ทุกข้อหา แม้จำเลยทั้งสองกระทำเพียงครั้งเดียวตามที่อ้างมาในฎีกาก็ตาม แต่ในการพิจารณาว่าการกระทำใดเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน มิใช่แต่เพียงว่าหากเป็นการกระทำครั้งเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไป ซึ่งอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้หากผู้กระทำมีเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันหรือประสงค์จะให้เกิดเป็นความผิดหลายฐานต่างกัน ดังนั้น การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองในแต่ละข้อหาตามฟ้องมีลักษณะของความผิดเป็นการกระทำที่มีเจตนาต่างขั้นตอนและแตกต่างกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละข้อหาต่างหากจากกันได้อย่างแจ้งชัด และเป็นการกระทำที่มุ่งประสงค์ให้มีผลต่างกรรมกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทดังที่จำเลยทั้งสองอ้างมาในฎีกาแต่อย่างใดไม่ ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบมาตรา 47 มาตรา 35 วรรคหนึ่ง, 74, 79, 85 กรณีจำเลยที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนไม่เกิน 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share